เที่ยวมาเก๋าฮ่องกงกับครอบครัวแบบไปเองค่ะ
รูปอื่น ๆ ดูที่นี่ค่ะ http://s615.photobucket.com/albums/tt235/paveenuc/MacauAndHongkong/
ตอนเช้ากับถนนแห่งความสุข ตอนกลางวันคนจะเต็มไปหมดค่ะ มีขนมแจกกินฟรี
ถ่ายกับน้องชาย
ถ่ายกับน้องชาย
ถ่ายกับคุณพ่อ
ถ่ายรูปที่ Replus Bay มีแต่ทัวร์ไทยมา ทัวร์จีนก็เริ่มมา
ถ่ายรูปหน้ามาดามทุสโซ่
บน Peak มีสนามเด็กเล่นด้วย แต่มีคนพาสุนัขสวยๆ มาเดินเล่นเยอะ
บ้านเลียนแบบโบราณที่มาเก๋า
มื้อเย็นไก่อบ รอพ่อหั่นอยู่
กินไรดีน้า ร้านนี้พ่อครัวเคยอยู่กับผู้ว่าการมาเก๋าชาวโปรตุเกต
คุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย น้องสะใภ้
หน้า คาสิโนลิสบัวและแกรนด์คาสิโนลิสบัว ลองเข้าไปดู มี Show แสดงด้วย
น้ำพุหน้าโรงแรม Wynn
สิงโตทอง ตึก MGM
วิวอ่าวมาเก๋า กับคุณพ่อ
ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าแม่กวนอิม
ประภาคาร Mt Fortess
วิวสวยมากค่ะ เห็นลิสบัวไกลๆ รูปดอกบัว
ทางขึ้นประภาคารเกีย
บันไดขึ้น ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul )
น้องชาย น้องสะใภ้ คุณแม่
ที่พักมาเก๋า โรงแรม Man Va Hotel มีช่อง 3 ให้ดูด้วย
Fisherman's wharf กะน้องชาย
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
น้ำ รัตน์ คุณแม่
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
หน้าร้านอาหารค่ะ ที่ Fisherman's wharf
อาหารกลางวันบะหมี่ที่ Fisherman's wharf
คุณพ่อ น้องชาย น้องสะใภ้
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
ถ่ายรูปที่ Replus Bay มีแต่ทัวร์ไทยมา ทัวร์จีนก็เริ่มมา
ถ่ายรูปหน้ามาดามทุสโซ่
บน Peak มีสนามเด็กเล่นด้วย แต่มีคนพาสุนัขสวยๆ มาเดินเล่นเยอะ
บ้านเลียนแบบโบราณที่มาเก๋า
มื้อเย็นไก่อบ รอพ่อหั่นอยู่
กินไรดีน้า ร้านนี้พ่อครัวเคยอยู่กับผู้ว่าการมาเก๋าชาวโปรตุเกต
คุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย น้องสะใภ้
หน้า คาสิโนลิสบัวและแกรนด์คาสิโนลิสบัว ลองเข้าไปดู มี Show แสดงด้วย
น้ำพุหน้าโรงแรม Wynn
สิงโตทอง ตึก MGM
วิวอ่าวมาเก๋า กับคุณพ่อ
ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าแม่กวนอิม
ประภาคาร Mt Fortess
วิวสวยมากค่ะ เห็นลิสบัวไกลๆ รูปดอกบัว
ทางขึ้นประภาคารเกีย
บันไดขึ้น ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul )
น้องชาย น้องสะใภ้ คุณแม่
ที่พักมาเก๋า โรงแรม Man Va Hotel มีช่อง 3 ให้ดูด้วย
Fisherman's wharf กะน้องชาย
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
น้ำ รัตน์ คุณแม่
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
หน้าร้านอาหารค่ะ ที่ Fisherman's wharf
อาหารกลางวันบะหมี่ที่ Fisherman's wharf
คุณพ่อ น้องชาย น้องสะใภ้
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
Fisherman's wharf
จองตั๋วแอร์เอเชีย 0 บาท ได้ไปกลับ กรุงเทพ - มาเก๋าประมาณ 2000 บาทค่ะ ตั้งงบไว้คนละไม่เกิน 6 พันค่ากินอยู่ซื้อของด้วย
ดิชั้นจัดแจงแลกตัง ได้ Rate 4.21 ค่ะ ถูกมากๆ เก็บค่ากองกลางเอาไว้เลย 5 คน ไปกัน 3 วัน 2 คืน ตะลุยเที่ยวเอง
รายการทัวร์ตามด้านล่างค่ะวันแรก มาเก๋า
04:00
ออกจากบ้าน ตรวจสัมภาระให้เรียบร้อย
05:00
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เช็กอินที่แอร์เอเชีย FD3600
กรอกเอกสารให้เรียบร้อย ผ่านด่าน ตม. เข้าสู่ด้านใน กินอาหารเช้าง่ายๆ ที่เตรียมมา ยังไม่ค่อยหิว
06:00
รอที่ประตูทางออก (Gate – เกต) ตรวจสอบได้จากหน้าจอว่า FD3602 ออกที่ประตูไหน อ้อ G01 นั่นเอง
07:00
ออกเดินทางสู่มาเก๊า
ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ให้กรอกรายละเอียดในใบขาเข้า (Arrival) และใบขาออก (Departure) ให้ครบทั้งสองใบ เพราะไปถึงมาเก๊า จะได้ไม่ต้องทำอีกพรุ่งนี้ ปรับเวลาเพิ่ม 1 ชม . เพราะเวลาที่มาเก๋าเร็วกว่าเมืองไทย
10:30
เดินทางถึงมาเก๊า ตรวจหนังสือเดินทางที่ช่อง Visitor
ดูกระเป๋าว่ามาที่สายพานเส้นไหน แล้วเดินเข้าช่องเขียวเวลาออก (อย่าเข้าช่องแดง จะได้ไม่ต้องสำแดงของ) เจ้าหน้าที่ทำงานรวดเร็วมากท่าทางตั้งใจทำงานกันจริงจัง ถึงแม้มาเก๋าจะเป็นสนามบินเล็กๆ ใช้เจ้าหน้าที่คนเดียวขนสัมพาระออกจากเครื่องบินในเวลาลาอันรวดเร็วมากค่ะ ประทับใจ ออกปุ๊บหยิบกระเป๋าได้เลย
11:00
นั่งเซทเทิ้ลบัสไปเวเนเชี่ยนประมาณ 5 นาทีก็ถึงค่ะ ไปลงที่ Main Lobby เดินถ่ายรูปตลอดเส้นทางตื่นตาตื่นใจ สังเกตุดูมีทัวร์จีนมาลงกันมากมาย เดินไปจนถึง West side เพื่อขึ้นรถฟรีไปโรงแรม Sand ถ่ายรูปที่ Fisherman's wharf แวะซื้อขนม 1 กล่องเพื่อจะได้มีตังย่อยไว้ขึ้นรถเมล์อิๆๆ ตอนแรกเลยต้องนั่งรถฟรีไง
12:00
ทานอาหารกลางวันที่ Fisherman's wharf หิวแล้ว มื้อนี้กินบะหมี่แล้วกัน ห้องอาหารสุดหรู หมดไป 147 $ รวม service chart แล้วนะ แล้วก็ถ่ายรูปกันต่อไป หาทางไปโรงแรมที่พักดีกว่า รถ Taxi แถวนี้ดันรับแต่ 4 คน เรา 5 คนเลยต้องไปรถเมล์ คิดไปคิดมานั่งรถฟรีจาก Sand ไปลงท่าเรือ แล้วนั่งรถเมล์สาย 10 ไปลงหน้าโรงแรม Master Hotel ดีกว่า คนละ 3.2 $ จ่าย 16 $ พอดีเลย จริงๆ น่าจะเดินไปถ่ายรูปกับดอกบัวทองคำอยู่ติดกันเลย ไม่เป็นไรนั่งรถเล่น ที่ป้ายรถเมล์เจ้าหน้าที่คงสงสารว่ายืนรอนานแล้วทำไมบ้านนี้ไม่ขึ้นรถซักทีนะ พอสาย 10 มาเค้าเลยออกมาโบกรถให้ค่ะ ใจดีจริงๆ
04:00
ออกจากบ้าน ตรวจสัมภาระให้เรียบร้อย
05:00
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เช็กอินที่แอร์เอเชีย FD3600
กรอกเอกสารให้เรียบร้อย ผ่านด่าน ตม. เข้าสู่ด้านใน กินอาหารเช้าง่ายๆ ที่เตรียมมา ยังไม่ค่อยหิว
06:00
รอที่ประตูทางออก (Gate – เกต) ตรวจสอบได้จากหน้าจอว่า FD3602 ออกที่ประตูไหน อ้อ G01 นั่นเอง
07:00
ออกเดินทางสู่มาเก๊า
ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ให้กรอกรายละเอียดในใบขาเข้า (Arrival) และใบขาออก (Departure) ให้ครบทั้งสองใบ เพราะไปถึงมาเก๊า จะได้ไม่ต้องทำอีกพรุ่งนี้ ปรับเวลาเพิ่ม 1 ชม . เพราะเวลาที่มาเก๋าเร็วกว่าเมืองไทย
10:30
เดินทางถึงมาเก๊า ตรวจหนังสือเดินทางที่ช่อง Visitor
ดูกระเป๋าว่ามาที่สายพานเส้นไหน แล้วเดินเข้าช่องเขียวเวลาออก (อย่าเข้าช่องแดง จะได้ไม่ต้องสำแดงของ) เจ้าหน้าที่ทำงานรวดเร็วมากท่าทางตั้งใจทำงานกันจริงจัง ถึงแม้มาเก๋าจะเป็นสนามบินเล็กๆ ใช้เจ้าหน้าที่คนเดียวขนสัมพาระออกจากเครื่องบินในเวลาลาอันรวดเร็วมากค่ะ ประทับใจ ออกปุ๊บหยิบกระเป๋าได้เลย
11:00
นั่งเซทเทิ้ลบัสไปเวเนเชี่ยนประมาณ 5 นาทีก็ถึงค่ะ ไปลงที่ Main Lobby เดินถ่ายรูปตลอดเส้นทางตื่นตาตื่นใจ สังเกตุดูมีทัวร์จีนมาลงกันมากมาย เดินไปจนถึง West side เพื่อขึ้นรถฟรีไปโรงแรม Sand ถ่ายรูปที่ Fisherman's wharf แวะซื้อขนม 1 กล่องเพื่อจะได้มีตังย่อยไว้ขึ้นรถเมล์อิๆๆ ตอนแรกเลยต้องนั่งรถฟรีไง
12:00
ทานอาหารกลางวันที่ Fisherman's wharf หิวแล้ว มื้อนี้กินบะหมี่แล้วกัน ห้องอาหารสุดหรู หมดไป 147 $ รวม service chart แล้วนะ แล้วก็ถ่ายรูปกันต่อไป หาทางไปโรงแรมที่พักดีกว่า รถ Taxi แถวนี้ดันรับแต่ 4 คน เรา 5 คนเลยต้องไปรถเมล์ คิดไปคิดมานั่งรถฟรีจาก Sand ไปลงท่าเรือ แล้วนั่งรถเมล์สาย 10 ไปลงหน้าโรงแรม Master Hotel ดีกว่า คนละ 3.2 $ จ่าย 16 $ พอดีเลย จริงๆ น่าจะเดินไปถ่ายรูปกับดอกบัวทองคำอยู่ติดกันเลย ไม่เป็นไรนั่งรถเล่น ที่ป้ายรถเมล์เจ้าหน้าที่คงสงสารว่ายืนรอนานแล้วทำไมบ้านนี้ไม่ขึ้นรถซักทีนะ พอสาย 10 มาเค้าเลยออกมาโบกรถให้ค่ะ ใจดีจริงๆ
พอลงป้าย หาทางไปโรงแรมยังไงดีกว่า ถามคนแถวนั้นก็พูด Eng ไม่ได้ เอาล่ะดูแผนที่แล้วใช้ sense เอาเอง ไปถูกค่ะ ไม่น่าเชื่ออิๆๆ ก็บ้านเมืองมันเล็กนี่นา ดูทิศง่ายออก เอาของไว้ที่โรงแรม มัดจำค่ากุญแจ 200 $ ห้องน่านอนมากค่ะ กว้างใช้ได้เลย
เดินไปถนนแห่งความสุข แถม Senado Square คนมา Shopping เยอะมากๆ ยังกับแจกของเลย เก็บขนมฟรีตามทางกินไปเรื่อยๆ อร่อยดีค่ะ แต่แพงอ่ะ
เดินทางสู่ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul ) โดยเดินจากเซนาโดสแควร์ ไปทางโบสถ์เซนต์ดอมินิค (St. Dominic) แล้วเดินเลยขึ้นไปอีกซักพักนึง ก็จะถึงซากโบสถ์เซนต์ปอล อิๆๆ มีแอบหลง ดีนะที่เค้าทำป้ายบอกทางชัดเจน
ซากโบสถ์เซนต์ปอล – ซากเก่าตั้งแต่ 400 ปีก่อน ตัวซากเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของยุโรป จีน และญี่ปุ่น ตอนนี้เป็นมรดกโลกไปแล้ว
เดินขึ้นเขาเพื่ชมป้อมมองเต ขาลงเห็นมีบันไดเลื่อนนี่นา ขอใช้บริการซะเลย หลังจากนั้นเดินลงเขามาหาป้ายรถเมล์ ถ้าคุณตำรวจจะไป Flora garden ไปยังไง แกดันแนะนำให้ไป Taxi โดยบอกว่าไปยากมา อะไรกันดิชั้นหาข้อมุลมาบอกว่าไปรถเมล์ไม่ยากนี่นา ไม่ยอม เดินลงไปรอป้ายคนเยอะๆ แล้วถาม ญ ชาวมาเก๋า ท่านนึง พอดีไปสายเดียวกันสาย 17 รถมาพอดี พี่แกเลยช่วยบอกคนขับตอนถึงให้ด้วยค่ะ แสดงว่าคนมาเก๋าน้ำใจงามกับนักท่องเที่ยวนะเนี้ย แกพูดจีนมาบอก พวกเราก็เข้าใจอิๆๆ ( ชอบป้ายรถเมล์นี่นี่มากเค้าจะบอกรายละเอียดต่างๆ ว่าตอนนี้เราอยู่จุดไหน ป้ายต่อไปจะเป็นอะไร จะได้ไม่หลงค่ะ)
Flora garden ประภาคารเกีย สาย 17 เย้ถึงแล้ว ซื้อตั๋วขึ้น cable car ไปกลับ 15 $ 5 คนถูกไหมคะ เดินชมวิว มีคนมาออกกำลังกาย และมีหมาสวยๆ ด้วย หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์สายเดิมมาลงที่ เจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำ (Statue of Kun Iam)
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำ – มีความสูง 20 เมตร ทำจากทองสัมฤทธิ์ ฐานเป็นรูปดอกบัว เป็นของกำนัลที่มาเก๊าได้จากโปรตุเกส เปิดให้เข้าชมด้านในได้ตั้งแต่ 10:00-18:00
เดินไปจาก Fisherman's wharf ไปทางซ้ายมือเรื่อย ๆ ก็จะพบรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม, แวะถ่ายรูปกับสิงห์โตที่ตึก MGM, ชมดอกบัว.. สัญลักษณ์ของมาเก๊า.. อะไรประมาณนี้ เหนื่อยหน่อย ชมนำพุที่ Wynn มีแป๊บเดียวเองนึกว่าจะนาน เดินต่อไปที่ ลิสบัว ดูคาซิโนซะหน่อยมี Show ด้วย
19:15
เดินไปเรื่องยๆ จาก Lisbou ไม่ไกลเท่าไรก็ถึงย่านเซนาโดสแควร์ ( Senado Square ) แล้ว
เซนาโด สแควร์ – จุดศูนย์กลางของมาเก๊า สถานที่จัดงานสำคัญ มีตึกเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ; คนชอบมาถ่ายรูปลวดลายคลื่นบนพื้น ; เป็นแหล่งช็อปปิ้ง และร้านอาหาร
19:45
ทานอาหารเย็น ที่ร้าน Restaurante Platao สั่งปลาค็อดอบชีส และอื่นๆ อยากกินซี่โครงหมูอบแต่หาไม่เจอเลยอดเลยอ่ะ เห็นโต๊ะอื่นสั่งดูน่ากินมากๆ มื้อนี้แพงสุดใน Trip เลย 550 $
เดินทางสู่ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul ) โดยเดินจากเซนาโดสแควร์ ไปทางโบสถ์เซนต์ดอมินิค (St. Dominic) แล้วเดินเลยขึ้นไปอีกซักพักนึง ก็จะถึงซากโบสถ์เซนต์ปอล อิๆๆ มีแอบหลง ดีนะที่เค้าทำป้ายบอกทางชัดเจน
ซากโบสถ์เซนต์ปอล – ซากเก่าตั้งแต่ 400 ปีก่อน ตัวซากเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของยุโรป จีน และญี่ปุ่น ตอนนี้เป็นมรดกโลกไปแล้ว
เดินขึ้นเขาเพื่ชมป้อมมองเต ขาลงเห็นมีบันไดเลื่อนนี่นา ขอใช้บริการซะเลย หลังจากนั้นเดินลงเขามาหาป้ายรถเมล์ ถ้าคุณตำรวจจะไป Flora garden ไปยังไง แกดันแนะนำให้ไป Taxi โดยบอกว่าไปยากมา อะไรกันดิชั้นหาข้อมุลมาบอกว่าไปรถเมล์ไม่ยากนี่นา ไม่ยอม เดินลงไปรอป้ายคนเยอะๆ แล้วถาม ญ ชาวมาเก๋า ท่านนึง พอดีไปสายเดียวกันสาย 17 รถมาพอดี พี่แกเลยช่วยบอกคนขับตอนถึงให้ด้วยค่ะ แสดงว่าคนมาเก๋าน้ำใจงามกับนักท่องเที่ยวนะเนี้ย แกพูดจีนมาบอก พวกเราก็เข้าใจอิๆๆ ( ชอบป้ายรถเมล์นี่นี่มากเค้าจะบอกรายละเอียดต่างๆ ว่าตอนนี้เราอยู่จุดไหน ป้ายต่อไปจะเป็นอะไร จะได้ไม่หลงค่ะ)
Flora garden ประภาคารเกีย สาย 17 เย้ถึงแล้ว ซื้อตั๋วขึ้น cable car ไปกลับ 15 $ 5 คนถูกไหมคะ เดินชมวิว มีคนมาออกกำลังกาย และมีหมาสวยๆ ด้วย หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์สายเดิมมาลงที่ เจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำ (Statue of Kun Iam)
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางน้ำ – มีความสูง 20 เมตร ทำจากทองสัมฤทธิ์ ฐานเป็นรูปดอกบัว เป็นของกำนัลที่มาเก๊าได้จากโปรตุเกส เปิดให้เข้าชมด้านในได้ตั้งแต่ 10:00-18:00
เดินไปจาก Fisherman's wharf ไปทางซ้ายมือเรื่อย ๆ ก็จะพบรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม, แวะถ่ายรูปกับสิงห์โตที่ตึก MGM, ชมดอกบัว.. สัญลักษณ์ของมาเก๊า.. อะไรประมาณนี้ เหนื่อยหน่อย ชมนำพุที่ Wynn มีแป๊บเดียวเองนึกว่าจะนาน เดินต่อไปที่ ลิสบัว ดูคาซิโนซะหน่อยมี Show ด้วย
19:15
เดินไปเรื่องยๆ จาก Lisbou ไม่ไกลเท่าไรก็ถึงย่านเซนาโดสแควร์ ( Senado Square ) แล้ว
เซนาโด สแควร์ – จุดศูนย์กลางของมาเก๊า สถานที่จัดงานสำคัญ มีตึกเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ; คนชอบมาถ่ายรูปลวดลายคลื่นบนพื้น ; เป็นแหล่งช็อปปิ้ง และร้านอาหาร
19:45
ทานอาหารเย็น ที่ร้าน Restaurante Platao สั่งปลาค็อดอบชีส และอื่นๆ อยากกินซี่โครงหมูอบแต่หาไม่เจอเลยอดเลยอ่ะ เห็นโต๊ะอื่นสั่งดูน่ากินมากๆ มื้อนี้แพงสุดใน Trip เลย 550 $
หลังจากนั้นเดิน shopping ย่านเซนาโดสแควร์ ( Senado Square ) เริ่มเก็บร้านกันหมดแล้วไวจัง ควรจะ shop ตอนกลางวันจะดีกว่าค่ะ
แวะทานนมตุ๋นแสนอร่อย ร้าน Leitaria I Son ลืมถ่ายตอนถ้วยเต็มๆ กินเสร็จแล้วนึกได้อิๆถ่ายกับเสื้อดอกไม้ในห้างหรูที่มาเก๊า ปีนี้ปีเสือนี่นา
วันที่สอง มาเก๋า - ฮ่องกง
6:00
ตื่นนอน เก็บของ และเช็กเอาต์
07:00
รับประทานอาหารเช้าแถวโรงแรม เป็นร้านโจ๊ก ลองกินอาหารพื้นเมืองดุทุกอย่างเลย เค้าพูด Eng ไม่ได้เราชี้เอา และกินนมถั่วเหลืองแสนอร่อย
08:00
ออกจากโรงแรมเพื่อไปท่าเรือเฟอร์รีที่
เรือจะออกทุก 15 นาที ฉะนั้นไม่ต้องรีบก็ได้ ค่าโดยสารต่อคน $142 (ชั้นประหยัด – Economy)
TurboJet – เรือเฟอร์รี ใช้เวลาเดินทางจากมาเก๊าสู่ฮ่องกงประมาณ 55 นาที แบ่งเป็นชั้นที่นั่งแบบประหยัดและแบบพิเศษ บนเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน และที่นั่งยังกว้างกว่าเครื่องบินของแอร์เอเชียด้วย
10:30
ถึงท่าเรือเฟอร์รี ฮ่องกง
บัตรขากลับเป็นรอบกลางคืน (นับตั้งแต่ 17:00 เป็นต้นไป ราคา $172 – จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้)
นั่ง MRT ลง Mong Kok
ซื้อบัตร Octopus ที่สถานี Sheung wan ถึงสถานี Sheung Wan ในตึก Shun Tuk Center ลงไปชั้นใต้ดินนั่ง MTR สายสีน้ำเงินจากสถานี Sheung Wan ไปลงสถานี Admiralty เปลี่ยนสาย MTR เป็นสายสีแดงที่สถานี Admiralty ลงที่สถานี Mong Kok
11:00
Check IN oisuenguesthouse จ่ายตังเลย 680 $ มัดจำอีก 100
ออกทางออก D2 เดินไปยังตึก Sincere ขึ้นบันไดเลื่อนไป เลี้ยว ซ้าย ตรงไปแล้ว เลี้ยวขวา ก็จะโผล่ขึ้นมาแล้วให้เดินตรงไป เรื่อยๆ เดินข้ามถนน 1ครั้ง เดินต่อก็จะถึงตึก Sincere House ตรงหัว มุมตึกจะมีร้านลูกชิ้นอยู่ ทางเข้าตึกประตู หลักที่เปิด 24 ชั่วโมงจะอยู่ อีกฝั่งหนึ่ง ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมองเห็น เซเว่นอีเลฟเว่น ก็ไม่ต้องข้ามถนน ให้เลี้ยวซ้ายหันมาทางซ้ายก็จะพบ กับประตู ทางเข้าอาคาร Sincere House ตรงป้าย ACL พอดี ขึ้น ลิฟท์ไปชั้น 8
12:00
เช็คอินเสร็จออกไปหาไรกินต่อเลย ออกจากประตูซินเซียร์ เลี้ยวซ้ายเดินตรงไปซักเกือบห้าสิบเมตร ซ้ายมือจะเห็นร้านข้าวมันไก่ใช้ได้ ชามละประมาณ 30 เหรียญ
นั่งรถเมล์สาย 2 จาก Mong kok ไปลง ท่าเรือ Star Ferry สุดสายลงง่าย ข้ามเรือมาฝั่งฮ่องกง ถือโอกาสดูวิวไปด้วยค่ะ
6:00
ตื่นนอน เก็บของ และเช็กเอาต์
07:00
รับประทานอาหารเช้าแถวโรงแรม เป็นร้านโจ๊ก ลองกินอาหารพื้นเมืองดุทุกอย่างเลย เค้าพูด Eng ไม่ได้เราชี้เอา และกินนมถั่วเหลืองแสนอร่อย
08:00
ออกจากโรงแรมเพื่อไปท่าเรือเฟอร์รีที่
เรือจะออกทุก 15 นาที ฉะนั้นไม่ต้องรีบก็ได้ ค่าโดยสารต่อคน $142 (ชั้นประหยัด – Economy)
TurboJet – เรือเฟอร์รี ใช้เวลาเดินทางจากมาเก๊าสู่ฮ่องกงประมาณ 55 นาที แบ่งเป็นชั้นที่นั่งแบบประหยัดและแบบพิเศษ บนเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน และที่นั่งยังกว้างกว่าเครื่องบินของแอร์เอเชียด้วย
10:30
ถึงท่าเรือเฟอร์รี ฮ่องกง
บัตรขากลับเป็นรอบกลางคืน (นับตั้งแต่ 17:00 เป็นต้นไป ราคา $172 – จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้)
นั่ง MRT ลง Mong Kok
ซื้อบัตร Octopus ที่สถานี Sheung wan ถึงสถานี Sheung Wan ในตึก Shun Tuk Center ลงไปชั้นใต้ดินนั่ง MTR สายสีน้ำเงินจากสถานี Sheung Wan ไปลงสถานี Admiralty เปลี่ยนสาย MTR เป็นสายสีแดงที่สถานี Admiralty ลงที่สถานี Mong Kok
11:00
Check IN oisuenguesthouse จ่ายตังเลย 680 $ มัดจำอีก 100
ออกทางออก D2 เดินไปยังตึก Sincere ขึ้นบันไดเลื่อนไป เลี้ยว ซ้าย ตรงไปแล้ว เลี้ยวขวา ก็จะโผล่ขึ้นมาแล้วให้เดินตรงไป เรื่อยๆ เดินข้ามถนน 1ครั้ง เดินต่อก็จะถึงตึก Sincere House ตรงหัว มุมตึกจะมีร้านลูกชิ้นอยู่ ทางเข้าตึกประตู หลักที่เปิด 24 ชั่วโมงจะอยู่ อีกฝั่งหนึ่ง ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมองเห็น เซเว่นอีเลฟเว่น ก็ไม่ต้องข้ามถนน ให้เลี้ยวซ้ายหันมาทางซ้ายก็จะพบ กับประตู ทางเข้าอาคาร Sincere House ตรงป้าย ACL พอดี ขึ้น ลิฟท์ไปชั้น 8
12:00
เช็คอินเสร็จออกไปหาไรกินต่อเลย ออกจากประตูซินเซียร์ เลี้ยวซ้ายเดินตรงไปซักเกือบห้าสิบเมตร ซ้ายมือจะเห็นร้านข้าวมันไก่ใช้ได้ ชามละประมาณ 30 เหรียญ
นั่งรถเมล์สาย 2 จาก Mong kok ไปลง ท่าเรือ Star Ferry สุดสายลงง่าย ข้ามเรือมาฝั่งฮ่องกง ถือโอกาสดูวิวไปด้วยค่ะ
13:00
ที่ท่ารถเมล์ Exchange Square ให้ขึ้นรถเมล์สาย 6, 6A, 6X สายไหนก็ได้ที่มี เพื่อไปลงที่ Repulse Bay เพื่อสักการะเจ้าแม่กวนอิม (Statues of Kwun Yum) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที บอกคนขับก็ได้ หรือสังเกตตึกที่มี “รู” ตรงกลางตึกก็ได้ จะมีป้ายเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า Repulse Bay
ค่ารถคน ละไม่เกิน 10 เหรียญ ลงที่ Repluse Bay
เมื่อลงจากรถเมล์ ให้เดินลงบันไดลาดลงชายหาด เลี้ยวซ้ายแล้วเดินเลาะริมหาดไปประมาณ 200-300 เมตร ก็จะถึงวัดเจ้าแม่กวนอิม
เจ้าแม่กวนอิม – เป็นที่ที่ทัวร์ไทยทุกแห่งต้องมา ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ด้านหน้ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมจะมีวงกลมอยู่ ให้ยืนในวงกลมแล้วอธิษฐาน ; เดินข้ามสะพาน 1 รอบจะอายุยืนเพิ่มขึ้น 3 ปี แต่ห้ามเดินสวนทาง ; โยนเหรียญเข้าปากปลาเพื่อขอพร
14:30
เดินย้อนกลับทางเดิมตามชายหาด แล้วนั่งรถเมล์สาย 6, 6A, 6X กลับมาที่ Exchange Square
16:30
ถึง Exchange Square
เดินทางสู่ท่าเรือเซ็นทรัลเพียร์ (Central Pier) เพื่อขึ้นรถเมล์เปิดประทุนสายเดียวของฮ่องกงขึ้นสู่รถรางพีคแทรม (Peak Tram)
โผล่ออกมาให้มองหาอ่าวเอาไว้ เดินไปทางอ่าว จะเห็นหอนาฬิกาที่อยู่ติดกับสถานีท่าเรือ Central Pier ซึ่งตรงนี้จะมีลานกว้างเป็นลานรถเมล์ ให้เดินไปหาป้ายรถเมล์สาย 15c เปิดประทุน (อยู่ตรงกับบริเวณ Pier 6)
มาถึงแล้วให้เข้าแถวยืนรอไว้ก่อนเลย เพราะมีคนรอต่อคิวขึ้นไปพีคแทรมค่อนข้างมาก
รถเมล์สาย 15c – เป็นรถเมล์เปิดประทุนสายเดียวของฮ่องกง ที่พาขึ้นสู่สถานีสำหรับขึ้นรถรางพีคแทรม ระหว่างทางจะผ่านตึกต่างๆ มากมายในฮ่องกง
17:00
เดินทางถึงทางเข้าพีคแทรม รถรางขึ้นเขา (Peak Tram) เพื่อขึ้นสู่ยอดเขาวิคตอเรียพีค ( Victoria Peak ) จากนั้นก็แวะถ่ายรูปที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง (แต่ไม่ต้องเข้าไป)
แถวอาจจะต้องต่อกันยาวนิดนึง ระหว่างนี้จะมีคนชักชวนให้ซื้อบัตรพิเศษเพื่อลัดขึ้นพีคแทรมได้เลย ไม่ต้องซื้อก็ได้ เพราะอันนั้นเป็นบัตรที่รวมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไว้ด้วย
รถรางพีคแทรมขึ้นเขา– รถรางที่วิ่งเฉียงขึ้นด้านบน 45 องศา ทำให้เห็นทุกอย่างดูเฉียงๆ ตาม ระยะทาง 373 เมตร ใช้เวลา 8 นาที ; ราคาตั๋วคนละ $25 สำหรับเที่ยวเดียว (จ่ายด้วย Octopus ได้เลย มีช่องจ่ายแยกพิเศษ ไม่ต้องเสียเวลาซื้อบัตรอีก แต่ต้องต่อแถวเหมือนกัน) ไปกลับ 36 $
17:20
ลงจากพีคแทรม ณ ห้างเดอะพีคทาวเวอร์ (The Peak Tower )
มาถึงห้างนี้แล้วจะเดินเล่นก่อนก็ได้ มีร้านขายของ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง (ค่าเข้าชม $120 – แพงไปหน่อย) หรือจะขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุด สามารถขึ้นไปชมวิวได้ ลมจะเย็นมาก มุมนี้สามารถชม Symphony of Lights ได้ด้วย แต่ต้องรอแสดงถึง 20:00 น.
The Peak Tower – ที่จอดรถพีคแทรม เดินขึ้นชั้นบนสุดเพื่อชมวิวเขาวิคตอเรียพีค
18:00
ออกเดินทางกลับสู่ตัวเมือง ด้วยรถเมล์สาย 15C คราวนี้ได้นั่งรถเปิดประทุน
กลับทางเรือ Star Ferry มาถึงฝั่งเลยคนละ 2.2 $
ถึงหอนาฬิกา แวะถ่ายรูปแถวนั้นขี้เกียจเดินแล้ว ลมมันแรงและเย็น หนาวจะตายแล้ว
Avenue of Star – ถนนที่คนดาราคนดังมาประทับฝ่ามือเอาไว้เหมือนที่ฮอลลิวู้ด ระยะทางยาวประมาณ 700 เมตร เป็นจุดถ่ายรูป และเป็นที่สำหรับการแสดงแสงสีได้อย่างเหมาะเจาะ
19:45
เตรียมชม Symphony of Lights (ซิมโฟนีออฟไลท์) การแสดงแสงและสี ที่บริเวณ Avenue of Star โดยการแสดงจะเริ่มเวลา 20:00 ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที
Symphony of Lights – การแสดงแสงสีบนตึกฝั่งเกาะฮ่องกง เรามองจากฝั่งเกาลูนที่ จิมซาจุ๋ย ข้ามน้ำไป ก็จะเห็นการแสดงสีของตึกต่างๆ ตามจังหวะเพลง โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 5 ชุด ได้แก่ "Awakening", "Energy", "Heritage", "Partnership" และ "Celebration"
20:25
เดินทางออกจาก Tsim Sha Tsui สู่ถนนช็อปปิ้งยามค่ำคืนที่ฮอตที่สุด นั่งรถเมล์สาย 2 เช่นเดิมจะได้ดูวิวกลางคืนไปด้วยในตัวไม่ไต้องเดินอิๆๆ ขึ้นนั่งชั้น 2 เลยค่ะ
ดันลงป้ายเลย Mong Kok ก็ดีค่ะเลยเจอร้านอาหารค่ำแบบถูก มื้อนี้แค่ 64 $ เองเป็นบะหมี่กับผัดผัก
21:05
ถึงย่านช็อปปิ้งดังยามค่ำคืน ปิดดึกมาก เดินกันได้เรื่อยๆ
ตรงนี้จะมีถนนอยู่สามเส้น:
Sai Yeung Dhoi St South (เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชัน)
Tung Choi St (ขายเสื้อผ้าแฟชัน ของก๊อป)
Fa Yuen St (ขายรองเท้าและเครื่องกีฬา)
แต่มันจะปนๆ กันไป ก็เดินสลับไปมาได้เลย โดยถนนทั้งสามเส้น จะพาดขนานกัน เดินจากเส้นหนึ่งไปอีกเส้นหนึ่งได้สะดวก
ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แวะได้ ก็เช่น Fortress ส่วนพวกเครื่องสำอางก็จะมี Sasa ที่ราคาถูกกว่าเมืองไทยมากๆ
23.00
เข้าที่พัก
ที่ท่ารถเมล์ Exchange Square ให้ขึ้นรถเมล์สาย 6, 6A, 6X สายไหนก็ได้ที่มี เพื่อไปลงที่ Repulse Bay เพื่อสักการะเจ้าแม่กวนอิม (Statues of Kwun Yum) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที บอกคนขับก็ได้ หรือสังเกตตึกที่มี “รู” ตรงกลางตึกก็ได้ จะมีป้ายเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า Repulse Bay
ค่ารถคน ละไม่เกิน 10 เหรียญ ลงที่ Repluse Bay
เมื่อลงจากรถเมล์ ให้เดินลงบันไดลาดลงชายหาด เลี้ยวซ้ายแล้วเดินเลาะริมหาดไปประมาณ 200-300 เมตร ก็จะถึงวัดเจ้าแม่กวนอิม
เจ้าแม่กวนอิม – เป็นที่ที่ทัวร์ไทยทุกแห่งต้องมา ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ด้านหน้ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมจะมีวงกลมอยู่ ให้ยืนในวงกลมแล้วอธิษฐาน ; เดินข้ามสะพาน 1 รอบจะอายุยืนเพิ่มขึ้น 3 ปี แต่ห้ามเดินสวนทาง ; โยนเหรียญเข้าปากปลาเพื่อขอพร
14:30
เดินย้อนกลับทางเดิมตามชายหาด แล้วนั่งรถเมล์สาย 6, 6A, 6X กลับมาที่ Exchange Square
16:30
ถึง Exchange Square
เดินทางสู่ท่าเรือเซ็นทรัลเพียร์ (Central Pier) เพื่อขึ้นรถเมล์เปิดประทุนสายเดียวของฮ่องกงขึ้นสู่รถรางพีคแทรม (Peak Tram)
โผล่ออกมาให้มองหาอ่าวเอาไว้ เดินไปทางอ่าว จะเห็นหอนาฬิกาที่อยู่ติดกับสถานีท่าเรือ Central Pier ซึ่งตรงนี้จะมีลานกว้างเป็นลานรถเมล์ ให้เดินไปหาป้ายรถเมล์สาย 15c เปิดประทุน (อยู่ตรงกับบริเวณ Pier 6)
มาถึงแล้วให้เข้าแถวยืนรอไว้ก่อนเลย เพราะมีคนรอต่อคิวขึ้นไปพีคแทรมค่อนข้างมาก
รถเมล์สาย 15c – เป็นรถเมล์เปิดประทุนสายเดียวของฮ่องกง ที่พาขึ้นสู่สถานีสำหรับขึ้นรถรางพีคแทรม ระหว่างทางจะผ่านตึกต่างๆ มากมายในฮ่องกง
17:00
เดินทางถึงทางเข้าพีคแทรม รถรางขึ้นเขา (Peak Tram) เพื่อขึ้นสู่ยอดเขาวิคตอเรียพีค ( Victoria Peak ) จากนั้นก็แวะถ่ายรูปที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง (แต่ไม่ต้องเข้าไป)
แถวอาจจะต้องต่อกันยาวนิดนึง ระหว่างนี้จะมีคนชักชวนให้ซื้อบัตรพิเศษเพื่อลัดขึ้นพีคแทรมได้เลย ไม่ต้องซื้อก็ได้ เพราะอันนั้นเป็นบัตรที่รวมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไว้ด้วย
รถรางพีคแทรมขึ้นเขา– รถรางที่วิ่งเฉียงขึ้นด้านบน 45 องศา ทำให้เห็นทุกอย่างดูเฉียงๆ ตาม ระยะทาง 373 เมตร ใช้เวลา 8 นาที ; ราคาตั๋วคนละ $25 สำหรับเที่ยวเดียว (จ่ายด้วย Octopus ได้เลย มีช่องจ่ายแยกพิเศษ ไม่ต้องเสียเวลาซื้อบัตรอีก แต่ต้องต่อแถวเหมือนกัน) ไปกลับ 36 $
17:20
ลงจากพีคแทรม ณ ห้างเดอะพีคทาวเวอร์ (The Peak Tower )
มาถึงห้างนี้แล้วจะเดินเล่นก่อนก็ได้ มีร้านขายของ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง (ค่าเข้าชม $120 – แพงไปหน่อย) หรือจะขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุด สามารถขึ้นไปชมวิวได้ ลมจะเย็นมาก มุมนี้สามารถชม Symphony of Lights ได้ด้วย แต่ต้องรอแสดงถึง 20:00 น.
The Peak Tower – ที่จอดรถพีคแทรม เดินขึ้นชั้นบนสุดเพื่อชมวิวเขาวิคตอเรียพีค
18:00
ออกเดินทางกลับสู่ตัวเมือง ด้วยรถเมล์สาย 15C คราวนี้ได้นั่งรถเปิดประทุน
กลับทางเรือ Star Ferry มาถึงฝั่งเลยคนละ 2.2 $
ถึงหอนาฬิกา แวะถ่ายรูปแถวนั้นขี้เกียจเดินแล้ว ลมมันแรงและเย็น หนาวจะตายแล้ว
Avenue of Star – ถนนที่คนดาราคนดังมาประทับฝ่ามือเอาไว้เหมือนที่ฮอลลิวู้ด ระยะทางยาวประมาณ 700 เมตร เป็นจุดถ่ายรูป และเป็นที่สำหรับการแสดงแสงสีได้อย่างเหมาะเจาะ
19:45
เตรียมชม Symphony of Lights (ซิมโฟนีออฟไลท์) การแสดงแสงและสี ที่บริเวณ Avenue of Star โดยการแสดงจะเริ่มเวลา 20:00 ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที
Symphony of Lights – การแสดงแสงสีบนตึกฝั่งเกาะฮ่องกง เรามองจากฝั่งเกาลูนที่ จิมซาจุ๋ย ข้ามน้ำไป ก็จะเห็นการแสดงสีของตึกต่างๆ ตามจังหวะเพลง โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 5 ชุด ได้แก่ "Awakening", "Energy", "Heritage", "Partnership" และ "Celebration"
20:25
เดินทางออกจาก Tsim Sha Tsui สู่ถนนช็อปปิ้งยามค่ำคืนที่ฮอตที่สุด นั่งรถเมล์สาย 2 เช่นเดิมจะได้ดูวิวกลางคืนไปด้วยในตัวไม่ไต้องเดินอิๆๆ ขึ้นนั่งชั้น 2 เลยค่ะ
ดันลงป้ายเลย Mong Kok ก็ดีค่ะเลยเจอร้านอาหารค่ำแบบถูก มื้อนี้แค่ 64 $ เองเป็นบะหมี่กับผัดผัก
21:05
ถึงย่านช็อปปิ้งดังยามค่ำคืน ปิดดึกมาก เดินกันได้เรื่อยๆ
ตรงนี้จะมีถนนอยู่สามเส้น:
Sai Yeung Dhoi St South (เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชัน)
Tung Choi St (ขายเสื้อผ้าแฟชัน ของก๊อป)
Fa Yuen St (ขายรองเท้าและเครื่องกีฬา)
แต่มันจะปนๆ กันไป ก็เดินสลับไปมาได้เลย โดยถนนทั้งสามเส้น จะพาดขนานกัน เดินจากเส้นหนึ่งไปอีกเส้นหนึ่งได้สะดวก
ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แวะได้ ก็เช่น Fortress ส่วนพวกเครื่องสำอางก็จะมี Sasa ที่ราคาถูกกว่าเมืองไทยมากๆ
23.00
เข้าที่พัก
ถ่ายวิวกับ The Peak ลมแรงมาก อากาศโคตรหนาวเลย
ฮ่องกง - มาเก๋า
วันที่สาม
07:00
ตื่นนอน เก็บของ และเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม oisuenguesthouse ย่าน Mong Kok
ขอป้ายเบอร์เวลาฝากของด้วย (ถ้ามี)
เที่ยวไม่พึ่งทัวร์ตีตั๋วไปฮ่องกง3วัน3คืน ใหม่ๆชิวๆhttp://www.hflight.net/forum/m-1168251708/
http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=11546.0
ที่พักฮ่องกง ตึกเดียวกัน
http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=11733.0
หาอาหารทานแถวที่พักมีโจ๊ก ที่ร้าน See view cogee ที่ป้าไก่กับลุงเด้งแนะนำ
09:00
ออกเดินทางสู่ Tung Chung เพื่อเตรียมขึ้นเขาไหว้พระใหญ่โปลิน
ขึ้น MTR จาก Yau Ma Tei หน้าโรงแรม (สายสีแดง สุดทางที่ Tsuen Wan) ให้ไปลงที่สถานีไลคิง (Lai King) ระยะทาง 7 สถานี เพื่อเปลี่ยนรถไฟ (สายสีส้ม สุดทางที่ Tung Chung) โดยให้ลงสุดทางที่ Tung Chung ได้เลย ระยะทางอีก 3 สถานี (ใช้เวลาเดินทางรวมแล้วประมาณ 40 นาที) แล้วเดินออกทาง Exit B
10:30
ถึง Tung Chung ให้เดินออกทาง Exit B – Ngong Ping 360 คือ ป้ายจะเขียนว่าเป็นทางเดียวกับเคเบิ้ลคาร์นองปิง 360
วันที่สาม
07:00
ตื่นนอน เก็บของ และเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม oisuenguesthouse ย่าน Mong Kok
ขอป้ายเบอร์เวลาฝากของด้วย (ถ้ามี)
เที่ยวไม่พึ่งทัวร์ตีตั๋วไปฮ่องกง3วัน3คืน ใหม่ๆชิวๆhttp://www.hflight.net/forum/m-1168251708/
http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=11546.0
ที่พักฮ่องกง ตึกเดียวกัน
http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=11733.0
หาอาหารทานแถวที่พักมีโจ๊ก ที่ร้าน See view cogee ที่ป้าไก่กับลุงเด้งแนะนำ
09:00
ออกเดินทางสู่ Tung Chung เพื่อเตรียมขึ้นเขาไหว้พระใหญ่โปลิน
ขึ้น MTR จาก Yau Ma Tei หน้าโรงแรม (สายสีแดง สุดทางที่ Tsuen Wan) ให้ไปลงที่สถานีไลคิง (Lai King) ระยะทาง 7 สถานี เพื่อเปลี่ยนรถไฟ (สายสีส้ม สุดทางที่ Tung Chung) โดยให้ลงสุดทางที่ Tung Chung ได้เลย ระยะทางอีก 3 สถานี (ใช้เวลาเดินทางรวมแล้วประมาณ 40 นาที) แล้วเดินออกทาง Exit B
10:30
ถึง Tung Chung ให้เดินออกทาง Exit B – Ngong Ping 360 คือ ป้ายจะเขียนว่าเป็นทางเดียวกับเคเบิ้ลคาร์นองปิง 360
เสียดายมากค่ะ วันที่ไปลมแรงเค้าจึงไม่ให้ขึ้น cable car อือๆๆ เลยต้องไป shopping ที่ city gate อย่างเดียว
CityGate Outlet – เป็นห้างโละสต็อกสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง ราคาลดเกิน 50% ทุกร้าน ราคาถูกกว่าเมืองไทยมากๆ น่าเดินซื้อเสื้อผ้า ตัวละร้อยสองร้อยก็มี ของมียี่ห้อทั้งนั้น เช่น ลีไวส์ ไนกี้ อะดิดาส เคสวิส ซิตี้เชน (นาฬิกา) จิออดาโน เอสปรี ซื้อกันเต็มที่ได้รองเท้ากันคนละคู่
CityGate Outlet – เป็นห้างโละสต็อกสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง ราคาลดเกิน 50% ทุกร้าน ราคาถูกกว่าเมืองไทยมากๆ น่าเดินซื้อเสื้อผ้า ตัวละร้อยสองร้อยก็มี ของมียี่ห้อทั้งนั้น เช่น ลีไวส์ ไนกี้ อะดิดาส เคสวิส ซิตี้เชน (นาฬิกา) จิออดาโน เอสปรี ซื้อกันเต็มที่ได้รองเท้ากันคนละคู่
13:00
เดินทางกลับเข้าสู่เมืองด้วยรถไฟฟ้า MTR มาลง สถานี Mongkok เพื่อเอากระเป๋าเดินทาง แวะทานอาหารกลางวันที่สุดยอด ข้าวมันไก่ ฮ่องกง ณ ร้าน Ngan Lung Restaurant, Mongkok ที่ป้าไก่กับลุงเด้งแนะนำ คราวนี้ไม่พลาดค่ะ ขอบอกว่าไก่นุ่มมากๆ ข้าวก็อร่อย
เดินทางกลับเข้าสู่เมืองด้วยรถไฟฟ้า MTR มาลง สถานี Mongkok เพื่อเอากระเป๋าเดินทาง แวะทานอาหารกลางวันที่สุดยอด ข้าวมันไก่ ฮ่องกง ณ ร้าน Ngan Lung Restaurant, Mongkok ที่ป้าไก่กับลุงเด้งแนะนำ คราวนี้ไม่พลาดค่ะ ขอบอกว่าไก่นุ่มมากๆ ข้าวก็อร่อย
ขอเดิน Shop ที่ Lady Market ต่ออีก 1 ชม. แม่บอกว่ายังซื้อของไม่จุใจ
15:20
ออกจากโรงแรมเพื่อไปท่าเรือเฟอร์รีที่ Sheung Wan โดย:
ลากกระเป๋า นั่ง MTR (สายสีแดง สุดทางที่ Central) โดยลงที่ Central เลย แล้วเปลี่ยน MTR (สายสีน้ำเงิน สุดทางที่ Sheung Wan) เพื่อลงที่ปลายทาง Sheung Wan แล้วเดินออกทาง Exit B ก็จะถึงอาคาร Shun Tak Centre ที่สำหรับขึ้น TurboJet กลับมาเก๊า
นั่ง MTR ต้องลากกระเป๋า แต่เร็วกว่า และถูกกว่า 9.5 $ คืนบัตร Octupus นี่เลยค่ะ
16:00
ถึงท่าเรือเฟอร์รี เตรียมออกเดินทางสู่มาเก๊า คราวนี้น้องลมบอกให้ลอง Taipa ferry ดูบ้าง ราคา 134 $ ลำใหม่กว่า แต่เราว่ามันไม่นิ่มแบบ Turbo Jet นะ ลงที่เกาะไทปาเลยนั่งรถบัสไป Vene
18.00
ไปฝากกระเป๋าที่ Venetian และเที่ยวที่นั่นจนค่ำ
ไปเดินเล่นที่เวเนเชี่ยน ชมโชว์ city of dream ไปเอาตั๋วได้รอบ 19.00 ค่ะ ถึงได้ดู
การแสดง The Dragon's Treasure Show ที่ The Bubble ใน City Of Dreams เป็นการแสดงที่ปัจจุบัน (กค 2009) ยังเปิดให้เข้าชมฟรีนะครับ การแสดงใช้เวลาประมาณ 10 นาที และ มีให้ชมทุกๆ 30 นาทีครับ
The City Of Dreams ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ The Venetian Macau เลยครับ ถ้ายังไง ไปเที่ยวที่ The Venetian macau ก็วิ่งข้ามถนนไปชมการแสดงได้ครับ
15:20
ออกจากโรงแรมเพื่อไปท่าเรือเฟอร์รีที่ Sheung Wan โดย:
ลากกระเป๋า นั่ง MTR (สายสีแดง สุดทางที่ Central) โดยลงที่ Central เลย แล้วเปลี่ยน MTR (สายสีน้ำเงิน สุดทางที่ Sheung Wan) เพื่อลงที่ปลายทาง Sheung Wan แล้วเดินออกทาง Exit B ก็จะถึงอาคาร Shun Tak Centre ที่สำหรับขึ้น TurboJet กลับมาเก๊า
นั่ง MTR ต้องลากกระเป๋า แต่เร็วกว่า และถูกกว่า 9.5 $ คืนบัตร Octupus นี่เลยค่ะ
16:00
ถึงท่าเรือเฟอร์รี เตรียมออกเดินทางสู่มาเก๊า คราวนี้น้องลมบอกให้ลอง Taipa ferry ดูบ้าง ราคา 134 $ ลำใหม่กว่า แต่เราว่ามันไม่นิ่มแบบ Turbo Jet นะ ลงที่เกาะไทปาเลยนั่งรถบัสไป Vene
18.00
ไปฝากกระเป๋าที่ Venetian และเที่ยวที่นั่นจนค่ำ
ไปเดินเล่นที่เวเนเชี่ยน ชมโชว์ city of dream ไปเอาตั๋วได้รอบ 19.00 ค่ะ ถึงได้ดู
การแสดง The Dragon's Treasure Show ที่ The Bubble ใน City Of Dreams เป็นการแสดงที่ปัจจุบัน (กค 2009) ยังเปิดให้เข้าชมฟรีนะครับ การแสดงใช้เวลาประมาณ 10 นาที และ มีให้ชมทุกๆ 30 นาทีครับ
The City Of Dreams ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ The Venetian Macau เลยครับ ถ้ายังไง ไปเที่ยวที่ The Venetian macau ก็วิ่งข้ามถนนไปชมการแสดงได้ครับ
หลังจากดู Show จบก็มาเดินถ่ายรูปที่ Vene ต่อหาร้านชั้น 2 ที่เป็นคลองยากเหมือนกัน แต่เดินไปเดินมาก็หาเจอเองค่ะ รู้งี้แอบเดินตามทัวร์ไปดีกว่า ถึง 2 ทุ่มมายืนรอรถบัสไปสนามบินด้วยใจร้อนกลัวไม่ทันอิๆ
20:30
ถึงสนามบินมาเก๊าแบบจวนเจียน เตรียมเอกสารบัตรขาออก (Departure) ให้พร้อม เช็กอินกระเป๋า
อย่าลืมเรื่องของเหลว ห้ามถือติดตัวขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด ที่นี่จะเช็กกันตั้งแต่ทางเข้า ต้องโหลดใส่กระเป๋าอย่างเดียวเท่านั้น
ระหว่างนี้มีเวลาเหลือกินขนมที่ซื้อมารองท้องไปก่อน แล้วค่อยซื้อข้าวบนเครื่องบินทานอิๆๆ
20:30
ถึงสนามบินมาเก๊าแบบจวนเจียน เตรียมเอกสารบัตรขาออก (Departure) ให้พร้อม เช็กอินกระเป๋า
อย่าลืมเรื่องของเหลว ห้ามถือติดตัวขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด ที่นี่จะเช็กกันตั้งแต่ทางเข้า ต้องโหลดใส่กระเป๋าอย่างเดียวเท่านั้น
ระหว่างนี้มีเวลาเหลือกินขนมที่ซื้อมารองท้องไปก่อน แล้วค่อยซื้อข้าวบนเครื่องบินทานอิๆๆ
21:35
เดินทางออกจากมาเก๊า สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 23:15 FD3607 รอกระเป๋านานมาก
เดินทางออกจากมาเก๊า สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 23:15 FD3607 รอกระเป๋านานมาก
ความคิดเห็น