การสอบปฏิบัติภาคสนามเดินธุดงค์ นักศึกษาครูสมาธิ รุ่น 32 ณ ดอยอินทนนท์

ปรากฏการณ์ใหม่...เกิดขึ้นแล้ว ด้วยนักศึกษาครูสมาธิ รุ่น 32 วิสุทธิผล ที่ผ่านการสอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติมีจำนวนมาก ในการสอบปฏิบัติภาคสนามเดินธุดงค์ ณ ดอยอินทนนท์ครั้งนี้ จึงมีนักศึกษาขึ้นสอบภาคสนามมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยจำนวนเกือบ ๒,๕๐๐ คน ทั้งนี้รวมถึง คณะทำงานด้วย จึงทำให้ผู้บริหารทางสถาบันฯ ได้วางแผนการเดินธุดงค์ครั้งนี้ใหม่ โดยแบ่งเส้นทางการเดินออกเป็น ๓ เส้นทาง
โดยเส้นทางแรกจะเป็นเป็นการเดินนำโดยพระครูปลัดมงคลวัฒน์ (พระอาจารย์สุพล ขนฺติพโล)
เส้นทางที่ ๒ นำโดยพระครูปลัดมงคลวัฒน์ (พระอาจารย์สุพล ขนฺติพโล) โดยเส้นทางที่ ๒ นี้จะเดินคู่ขนาดใกล้เคียงกับเส้นทางหลัก
ส่วนเส้นทางสุดท้ายเป็นกลุ่มที่อยู่ฐานวัดเทพเจติยาจารย์ นำโดย พระอาจารย์นฤทธิ์ พระอาจารย์ธงชัย พระอาจารย์ยุทธพงษ์ ในกลุ่มฐานวัดเทพฯ นักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ และผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง แต่พระอาจารย์และอาจารย์ชาญชัยก็ได้นำนักศึกษาออกเดินบริเวณใกล้ๆ

เล่าขานการเดินธุดงค์
บันทึกการเดินธุดงค์ของนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ 32 (ทวัตติงสโม) วิสุทธิผล สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขาที่ 20 ศูนย์สมาธิพระยาวิสูตรโกษา จ. จันทบุรี เริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 56 ซึ่งเป็นวันปฐมนิเทศจนจบหลักสูตร สอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในวันที่ 4 ส.ค. 56 ระหว่างที่ศึกษาอยู่ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อาทิ พิธีทอดกฐิน , พิธีฉลองอายุวัฒนมงคลพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร นักศึกษาครุสมาธิรุ่นที่ 32 จำนวน 41 คน ผ่านการสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจำนวน 40 คน และเข้าร่วมสอบภาคสนาม (ธุดงค์) จำนวน 32 คน วันเดินทางธุดงค์นำโดยอาจารย์ประชา วารีเขต และอาจารย์นงนาถ วิณวันก์ พี่เลี้ยง และรุ่นพี่(รุ่นที่ 31) คุณน้ำทิพย์ ค้าพริกไทย และมีตกค้างจากรุ่นก่อนอีก 2 ท่านเป็นผู้ร่วมเดินทาง
รุ่น 32 ของเรานับว่าโชคดีมากที่ได้มีโอกาสไปธุดงค์ ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ย. 56 นับเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก อากาศดี บรรยากาศดี ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป และที่สำคัญไม่มีฝนตกเลยทั้งๆ ที่ก่อนขึ้นธุดงค์ 3 วันมีฝนตกตลอดเลยที่เชียงใหม่ เนื่องจากปี 56 นี้มีเหตุการณ์บ้านเมือง ที่นับว่าเป็นจุดสำคัญหลายๆ อย่างสำหรับประเทศไทย กรอปกับอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้กับสมเด็จพระสังฆราช คณะที่ไปก็วิตกกังวลกับเหตุการณ์บ้านเมืองว่าจะเป็นอย่างไร แต่ทุกคนต้องตัดใจเพื่อไปหาความสงบ สร้างสมบุญให้กับตัวเองเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน เพื่อตัดทางโลกไปชั่วขณะหนึ่ง เราออกเดินทางตี 1 ของวันที่ 20 พ.ย. 56 โดยรถบัส จำนวน 32 ท่าน โดยมีน้องน้ำบินไปสมทบที่เชียงใหม่ตอนเย็น ระหว่างทางก็แวะสักการะพระบรมธาตุวัดพระเจ้าทันใจ อ. บ้านตาก จ. ตาก และแวะทานอาหารเย็นที่ตลาดหางดง จ. เชียงใหม่ มาถึงวัดเทพเจติยาจารย์เวลา 3 ทุ่มพอดี มีคณะพี่เลี้ยงจากกรุงเทพ ฯ ให้การต้อนรับ ซึ่งศาลาวัดกว้างขวางใหญ่โต สะอาด ชาวคณะจันทบุรีก็อาบน้ำอาบท่า และพักผ่อนเอาแรง บางคนก็ถือโอกาสเดินจงกลมเก็บแต้มไว้ก่อน
วันแรก วันที่ 21 พ.ย.56 เตรียมตัวจัดของขึ้นดอยซึ่งวันนี้เราต้องแยกกันเป็น 2 คณะ คือ คณะหนึ่งจะขึ้นดอย ส่วนอีกคณะนำโดยเจ๊เป้า อยู่ฐานเทพฯ จะกลับมาเจอคณะใหญ่ของจันทบุรีอีกครั้งในวันเช้าวันที่ 24 พ.ย. เราปูเสื่อนั่งรอคณะที่บินมาจากกรุงเทพ ฯ นำโดยท่านพระครูปลัดฯ ซึ่งมาถึง 10.30 น. หลังจากทานอาหารเที่ยงและทำพิธีกรรมแล้ว จึงเริ่มเดินทางขึ้นดอยในช่วงบ่ายโมงพอดี ตอนเช้าวันนี้พวกเราต่างเลือกซื้อไม้เท้าคู่กายประจำตัว (ทำจากไม้ไผ่) ก็ต่อรองราคากับชาวบ้านได้อันละ 10 บาท ซึ่งเราจะใช้ไม้เท้านี้จนถึงวันกลับเลยล่ะ คณะสงฆ์เดินนำขบวนติดตามด้วยสาขาต่างๆ ประมาณ 3800 คนไม่น่าเชื่อว่าคนจะเยอะขนาดนี้ แบ่งการเดินเป็น 3 สาย A , B และ C มากน้อยต่างกัน คณะจันทบุรีอยู่สาย A คณะขึ้นดอยต้องแบกเป้ ซึ่งมีน้ำหนักขั้นต่ำประมาณ 5 ก.ก. ขึ้นอยู่กับว่าใครมีสัมภาระที่จำเป็นมากน้อยต่างกัน และหลังจากวันนี้แล้วน้ำหนักของเป้ก็ค่อยๆ ลดลงตามลำดับ สาย A ของเราได้เดินแถวลำดับกลางๆ เกือบท้ายๆ สำหรับวันนี้ ทางเดินขึ้นเขาตลอด แดดยามบ่ายช่างร้อนแรง แต่คณะเราก็สามารถผ่านการทดสอบวันแรกไปได้ด้วยดี ถึงที่พักประมาณ 4 โมงเย็น ผู้ถือธงต้องรีบไปจองที่นั่งกินข้าวกลุ่มลำดับแรก ส่วนพวกที่เหลือก็เตรียมตัวอาบน้ำกัน ซึ่งกางเต็นท์บริเวณน้ำตกแม่กลาง วันนี้เราได้อาบน้ำตกกันเป้นที่สนุกสนาน ทางไปน้ำตกนั้นก็มีอาหารขนม มาขายมากมาย ไม่ต้องกลัวอดเลยทีเดียว หลังทานอาหารเย็นก็มาสวดมนต์ ทำวัตรเย็นและฟังเทศน์จากพระครูปลัด ฯ ณ ลานอุบลวรรณ ฟังบรรยายความรู้สึกจากตัวแทนของสาขาต่างๆ คืนนี้เราได้ที่นั่งทำเลดีเห็นพระครูปลัด ฯ และพระติดตามอย่างใกล้ชิด
วันที่สองของการธุดงค์ (22 พ.ย. 56) เริ่มจากคณะจันทบุรีได้ถ่ายภาพหมู่กับพระครูปลัดมงคลวัฒน์ ฯ ที่ริมน้ำตกยามเช้า เรานัดกันใส่เสื้อสีขาว เพื่อความพร้อมเพรียง วันนี้เป็นวันท้าทายของพวกเราเพราะต้องเดินธุดงค์ทั้งวัน ปรากฏว่าสิ่งที่คิดว่าจะเหนื่อยกลับไม่เป็นตามคาด วันนี้ทั้งวันเดินสบายมาก พกข้าวห่อกลางวันไปทาน คือ ไข่ต้ม หมูทอดและขนม ระหว่างทางขึ้นลงเขา ไม่ต้องกลัวอดเนื่องจากมีลูกหาบ ซึ่งที่นี่เราเรียกว่า 7-11 สาขาชาวดอย ตามไปขายของตลอดจุดพัก เรียกได้ว่าคนไหนขี้เกียจหอบน้ำก็ซื้อเองกับลูกหาบ สะดวกสบายจริงๆ ช่างต่างกับการเดินธุดงค์ที่หลวงพ่อเล่าเลย แต่เราก็มาเพื่อให้เห็นและสัมผัสกับการเดินธุดงค์ว่าเป็นอย่างไร ส่วนใครจะได้อะไรกลับไปมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่แต่ละบุคคล
เย็นนี้เราได้พักที่พักใกล้แม่น้ำ ซึ่งน้ำไหลแรงมากและน้ำเย็นชื่นใจ ทำให้หายเหนื่อย ทุกคนส่วนมากจะอาบน้ำสระผม สำหรับที่นอนกางเต็นท์เป็นแนวลาดลงคล้ายคืนแรก สุดแต่ว่าใครจะเจอตอไม้หรือก้อนหิน เวลานอนก็ต้องคอยหลบเอาเอง อย่าลืมโรยแป้งเย็นตรางูรอบเต็นท์ที่พักเพื่อป้องกันมดแมลงเข้ามานะคะ เป็นที่น่าแปลกว่าถึงแม้เราจะนอนกลางดินมา 2 คืนแล้วก็ไม่รู้สึกปวดเมื้อยตัวแต่อย่างใด
คืนนี้ประธานรุ่น 32 คุณจารุวรรณ ตงศิริกุลมีโอกาสได้กล่าวแสดงความรู้สึกร่วมกับสาขาอื่นๆ เป็นที่ประทับใจกับทุกท่าน
วันที่สามของการธุดงค์ (23 พ.ย. 56) ตื่นตี 5 ตี 5 ครึ่งนั่งสมาธิ 6 โมงเก็บเต็นท์ 7 โมง ทานอาหารเช้า เป็นกิจวัตรสำหรับอยู่ป่า 9 โมง ออกเดินทาง เสียง “สะโสโต โสอะอะ” ดังมาแต่เช้าเริ่มเดินทางเลย เป็นคำที่หลวงพ่อให้ท่องเพื่อเป็นกำลังใจในการเดินธุดงค์เพื่อไม่ให้เหนื่อย วันนี้ก็ยังเดินทั้งวันอีกเช่นเคย และเตรียมข้าวห่อไข่ต้มกับหมูทอดสำหรับกลางวัน ได้เดินในเงาร่มไม้ตลอดไม่รู้สึกร้อน กลางวันหลังทานอาหารแล้วเราก็ทำธุระส่วนตัวกัน บ้างก็เด็ดดอกไม้ ยิงกระต่าย กันอย่างสนุกสนาน คณะเราเตรียมผ้าคลุมสำหรับทำกิจกรรมเด็ดดอกไม้มาด้วยนะ ต้องใช้คน 3 คนในการทำกิจกรรม 1 ครั้ง เรียกว่าต้องหาทำเลดีๆ ปราศจากคน จึงรู้สึกปลอดภัยในการทำภารกิจส่วนตัวนี้ได้ อุๆๆ งานนี้คงมีระเบิดวางอยู่เต็มป่าเลยค่ะ เรามาถึงที่พักคืนสุดท้ายเวลา 4 โมงเย็นเช่นเคย คราวนี้ได้อาบน้ำตกกันบ้างล่ะ แต่ว่าน้ำไหลน้อยจึงต้องใช้ชาม (ขัน) มารองน้ำอาบ คินนี้คณะเราได้จองที่นั่งเป็นชะง่อนหินด้านบน ทำให้มองเห็นภาพรวมของสถานที่ทั้งหมดได้สวยงามมาก
คืนนี้มีพิเศษคือ จุดเทียนเพื่อขอขมาฯ และแผ่เมตตาจิต เห็นเป็นดวงดาวระยิยระยับเต็มป่าดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมารวมอยู่กับเรา ณ ที่นั้นด้วย ถึงแม้ลมจะแรงแต่เทียนก็ไม่ดับ สามารถอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งจนจบพิธี เข้านอนด้วยความสุขใจ พรุ่งนี้ไม่ต้องเดินธุดงค์แล้ว
วันสุดท้าย เก็บข้าวของทำวัตรเช้า ขึ้นรถมาที่วัดเทพฯ เพื่อทำพิธีจุดเทียน ณ ลานโพธิ์ และแล้วคณะจันทบุรีที่แยกเป็น 2 คณะก็ได้กลับมารวมกันอีกคร้ง สนุกสนานกับการถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน แลกดอกไม้ ซึ่งบางคนก็เอาไปลนเทียน ทำเป็นดอกไม้เทียนเก็บไว้บูชาต่อไป หลังทานอาหารกลางวันทุกสามาก็แยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนา แวะไหว้พระธาติลำปางหลวงที่ จ. ลำปาง และทานข้าวเย็นกันที่นั่น คณะเรามาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดเนื่องจากถูกตะปูเรือใบยางแตกที่ อ. บางปะอิน จ. อยุธยา ทำให้เสียเวลาไป 2 ชม. มาถึงจันทบุรีโดยสวัสดิภาพ เวลา 8.30 น.
ขออนุโมทนา สาธุ กับทุกท่านด้วยค่ะ
เก็บตกความประทับใจ
1 ของหายได้คืน : ประธานรุ่น 32 ลืมไม้เท้าคู่กายไว้ขณะไปอาบน้ำที่ลำธาร ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้นมีคนเก็บมาให้ค่ะ ได้ใช้ต่อไป
2 อาหารแบ่งปันกัน : ร้านอาหารที่มาขายตามที่พักต่างๆ นั้นคณะเราต่างซื้อมาแบ่งปันกันทาน นับว่าเป็นน้ำใจของรุ่นที่น่าประทับใจ
3 ผู้ร่วมเดินธุดงค์อายุมากสุดในรุ่น : คือ เจ๊เป้าของเรานั่นเอง อายุ 76 ปีแล้วยังแจ๋วอยู่เลย
4 มหกรรมกางเต็นท์จำนวนมหาศาล : ไม่น่าเชื่อว่าทีมงานหลวงพ่อสามารถจัดการกางเต็นท์ให้พวกเรากว่าสามพันหลังในแต่ละวันได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
5 เต็นท์สุขามหากาล : ใครไม่เคยได้สัมผัสกับเต็นท์สุขา คงไม่รู้ถึงบรรยากาศว่ามันเป็นอย่างไร อย่างน้อยเราต้องได้ใช้บริการเช้าเย็นแน่นอน
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
• คณะพี่เลี้ยงรุ่นที่ 31 ที่ดูแลรุ่นที่ 32 เป็นอย่างดี
• คณะทีมงานหลวงพ่อที่จัดการประสานการเดินธุดงค์ที่ยิ่งใหญ่
• อาจาริยสาทุกท่านที่ให้ความรู้แก่พวกเราอย่างเต็มที่
ปวีนัฐ คงบุญ
ผู้เรียบเรียง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม