IBM Technology Conference & Expo 2014 on June 19, 2014 at Convention Center, Centara Grand at CentralWorld

สวัสดีค่ะ
ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้วระวังสุขภาพด้วยนะคะ เตรียมร่มตอนออกไปข้างนอกด้วยล่ะ
Transform your business with an efficient IT solution During the session, we will unveil the latest IBM technology developments including Power Systems, Storage, System x and Flex System. These innovations help accelerate business growth by integrating cloud, mobile, and analytics into your IT infrastructure.
รายละเอียดตาม Web
http://www-07.ibm.com/th/techexpo/agenda.html
Duration Time TOPIC
60mins 8:30 a.m. - 9:30 a.m. Registration for BP/ISV Solution Showcase
5mins 9:30 a.m. - 9:35 a.m. Opening Video – Based on Smarter Computing on Cloud, BDA
10mins 9:35 a.m. - 9:45 a.m. Welcome and Opening Address "IBM CIO Study - Moving from the Back office to Front Lines"
5mins 9:45 a.m. - 9:50 a.m. IBM Signature Moments
30mins 9:50 a.m. - 10:20 a.m. Why Infrastructure Matters for Cloud, Big Data
25mins 10:20 a.m. - 10:45 a.m. Tea break & clients visit solution showcase
Duration Time
TRACK 1 Cloud Think It. Build It. Tap Into It. Duration Time
TRACK 2 Big Data & Analytics Imagine It. Realise It. Trust It
60mins 12:15 a.m. - 1:15 p.m. Networking Lunch and Exhibition Showcase


IBM Technology Conference & Expo 2014 The Premier Platform for Cloud and Big Data 19 Jun 2014
ทุกท่านคงทราบดีว่าขณะนี้เราเข้าสู่ยุค IT ที่สมบูรณ์แบบแล้วนับตั้งแต่มี Internet ขึ้นมาจาก 3G ไปสู่ 4G เทคโนโลยีไปเร็วมาก และจะเข้าสู่ยุค Mobile แบบสมบูรณ์แบบ ดังจะเห็นจากค่าย Microsoft นำร่อง Windows Phone OS ไปแล้ว และ Amazon ตามมา Apple ที่พึ่งเข้าสู่ตลาดไม่ถึง 5 ปี จะเป็นยังไงต่อไปน้า ซึ่งการฟังการบรรยายในครั้งนี้ทางไอบีเอ็มได้เน้นไปในทิศทาง 1 Cloud 2 Big Data และ 3 Analytic ทำไมไอบีเอ็มจึงพุ่งเป้ามาทางนี้ ก็คงเป็นเพราะยุคนี้เป็นยุคข้อมูล ที่มีปริมาณข้อมูลมากมายใน Internet และการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจของลูกค้าก็เป็น วินาที ทำให้บริษัทหลายๆ แห่งให้ความสนใจกับความพร้อมด้าน IT ซึ่งจะต้องมีความพร้อมกับการเปลี่ยนกลยุทธหรือเป้าหมายของบริษัทตลอดเวลา โดยใช้เวลากับ Customer Experience ให้มากเพื่อคิดทำธุรกิจใหม่ๆ กับ Partner ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วงครึ่งเช้าจะเป็นการบรรยายภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่สำคัญในปีนี้ ในหัวข้อดังนี้ - IBM CIO Study – Moving from Back Office to Front Lines - IBM Signature Moments - Why Infrastructure Matters for Cloud, Big Data คุณพรรณสิรี อมาตยกุล (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอบีเอ็ม) ได้เล่าถึงการพบ CIO โครงการสนามบินใหม่ของสิงคโปร์ได้อย่างน่าสนใจว่า
“ผู้บริหารสิงคโปร์ต้องการสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร (เทอร์มินัล) แห่งที่ 5 ในท่าอากาศยานชางงี ซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน เพื่อรองรับการย้ายฐานทัพอากาศภายหลังปี 2030 และพัฒนาที่ดินในฐานทัพอากาศเดิมในปายาร์ ลีบาร์ ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย โรงงาน และย่านธุรกิจ แผนการนี้ยังมีจุดประสงค์ในการรักษาตำแหน่งศูนย์กลางการบินในภูมิภาคของชางงี ที่กำลังถูกท้าทายจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์และสุวรรณภูมิ ที่ต่างมีแผนขยายสนามบิน โดยที่การก่อสร้างเทอร์มินัล 5 นี้จะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ และจะเสร็จสิ้นในเวลา 12-15 ปี “
ซึ่งเราฟังแล้วก็อึ่งกับโครงการนี้และเมืองไทยยังไม่คิดอะไรเพื่อมาแข่งขันเลยแถมสนามบินแห่งที่ 5 ไม่ได้เป็นแค่สนามบินอย่างที่เราเห็นๆ กันในปัจจุบันแต่คือการรวมความสามารถของเทคโนโลยีแห่งอนาคตเข้ามาไว้ที่นี่ที่เดียว ต้องคอยดูกันต่อไป และที่น่าทึ่งคือปัจจุบันนี้สนามบินชางงีสามารถขายช็อกโกแลตได้มากเป็นอันดับ 1 จากร้านค้าทั่วเกาะสิงคโปร์ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะขายได้ดีขนาดนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมร้านค้าต่างๆ ถึงแย่งกันมาขายของที่สนามบินแห่งนี้ นอกจากนี้ผลจากการสำรวจ CIO Survey ส่วนใหญ่ พบว่า ผู้บริหารไม่ต้องการที่จะเอาเวลาไปนั่งบริหาร IT Service แต่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และต้องการไปช่วยปรับวิสัยทัศน์ ให้กับองค์กร เห็นไหมคะว่าทั่วโลกเริ่มขยับไปทิศทางไหนแล้ว
ไอบีเอ็มยังให้ความสนใจกับ Open source ซึ่งเป็นการเปิดกว้างทางการพัฒนาและยังให้สามารถพัฒนาระบบให้รองรับหลากหลายรูปแบบ
ตอนนี้มีบริษัท Open source ที่น่าสนใจ เช่น redhat ,SUSE ,ubantu ,KVM เป็นต้น
ถ้าสนใจว่าบริษัทเหล่านี้กำลังพัฒนาอะไรสามารถคลิกเข้าไปดูตาม Link ด้านล่างได้เลยค่ะ
https://www.suse.com/
http://th.redhat.com/
http://www.ubuntu.com/
http://www.linux-kvm.org/page/Main_Page
ข้อคิดจากงานนี้ที่ได้คือ เราไม่ควรยึดติดกับ ระบบปฏิบัติการ (OS) หรือเทคโนโลยีของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เราต้องรู้จักรับมาและใช้อย่างเป็นประโยชน์ โดยให้เหมาะกับองค์กรและตัวเรา ที่สำคัญต้องประหยัด Cost ด้วยค่ะ
แถมท้ายกับ Idea ของ coke ในการสร้างตู้โทรศัพท์ Phone call to home โดยใช้ฝาพลาสติกใส่เข้าไปในตู้ สร้างความสุขให้กับคน งาน
คำถามชิงรางวัล ตอบถูก 2 ท่านแรกค่ะ
ถามว่าคนงานในเรื่องนี้อยู่ที่ประเทศไหน ?
อย่าลืมดูวิดีโอด้านล่างนี้แล้วส่งคำตอบมานะคะ


Coca-Cola Hello Happiness
>
http://www.youtube.com/watch?v=zlA9tXYxD8g
Published on May 7, 2014 To give labourers in the UAE a few extra minutes of happiness, Coca-Cola created the Hello Happiness Phone Booth -- a special phone booth that accepts Coca-Cola bottle caps instead of coins for a free 3-minute international phone call, helping them connect with their families back home more often.
Open Innovation to put data to work
กระเป๋ารางวัลค่ะ

ขอเพิ่มเติมบทสัมภาษณ์คุณพรรณสิรี อมาตยกุล (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอบีเอ็ม)
จาก นสพ. กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 12 พฤษภาคม 2557
ซึ่งจะทำให้เรามองภาพชัดขึ้นค่ะ ปรับเปลี่ยนรับอนาคต ไอบีเอ็ม อยู่ในตลาดมากว่า 100 ปีจนถึงขั้น"อยู่ตัว"เต็มที่แล้ว แต่บริษัทปรับตัวล่วงหน้ามาตลอด รวมทั้งปัจจุบันที่เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ 4 ปีก่อน และเริ่มเดือน ม.ค. 2557 ก็มีโครงการรับการเปลี่ยนแปลงอีกมาก ตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหญ่ๆ 3 เรื่องของโลก ประกอบด้วย 1. ข้อมูล ที่เป็นกุญแจไขสู่การแข่งขันในอนาคต 2. คลาวด์ ที่เป็นบิสิเนส โมเดลใหม่ซึ่งกำลังเติบโตเพราะทุกคนต่างเข้าถึงไอที และ 3. เอ็นเกจเมนต์ หรือการมีปฏิสัมพันธ์กันภายในและภายนอกองค์กร ตลอดจนถึงลูกค้า อันเป็นแนวทางของโลกการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งบริษัทกำลังเปลี่ยนทักษะพนักงานให้โฟกัส 3 เรื่องดังกล่าว ไอบีเอ็มมีแถลงการณ์ 3 เรื่องคือ ด้านข้อมูล จะสร้างตลาด ปฏิรูปอุตสาหกรรมและทักษะของคนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ด้านไอที ดาต้า เซ็นเตอร์ ให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากคลาวด์ได้มากที่สุด และการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ค โซเชียล มีเดีย ด้วยความเร็ว และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยทำตัวเป็นตัวอย่าง เธอ กล่าวว่า บิ๊กดาต้า และความสามารถคาดการณ์อนาคตหรือการวิเคราะห์อนาคต การทำสมาร์ทเตอร์ต่างๆ เช่นสมาร์ทเตอร์ ซิตี้ สมาร์ทเตอร์ แพลนเน็ต ไอบีเอ็มได้เริ่มทำเป็นตัวอย่างมานานแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลระบุว่า ข้อมูลใหม่เกิดขึ้น 2.5 พันกิกะไบต์ทุกวัน และ 4 ใน 5 ส่วนของข้อมูลจะไม่ได้จัดโครงสร้าง ปี 2558 จะตลาดบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์จะมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ การทำโครงการเกี่ยวกับเทคโนโลยีขององค์กร 61% ดำเนินการจากฝ่ายธุรกิจมากกว่าฝ่ายไอทีเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ ไอบีเอ็มลงทุนไป 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้างศักยภาพของบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ โดยในจำนวนนี้ใช้เงิน 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ซื้อบริษัทต่างๆ มาเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ พร้อมกันนั้น ได้มีผู้ชำนาญการด้านการให้คำปรึกษา และวิเคราะห์ 1.5 หมื่นคน มีนักวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจข้อมูลอย่างลึกซึ้งทางเทคนิคและนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้ พรรณสิรี เล่าว่า ไม่ว่าลูกค้าจะคุยอะไรกันในเฟซบุ๊ค โซเชี่ยล มีเดียต่างๆ ก็ตาม รวมทั้งคำบ่น ข้อมูลจะถูกจับมากองรวมกัน แล้ววิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลที่เข้าใจบุคคล ใช้นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าเดินเข้าห้างจะมีข้อมูลมาบอกถึงสินค้าที่กำลังสนใจนั้น มีรายการพิเศษใดๆ บ้างประกอบการตัดสินใจ การตลาดจะลงลึกที่ตัวบุคคลไม่ใช่แค่แบ่งเซ็กเมนเตชั่นเท่านั้น "เทรนด์การติดต่อลูกค้าจะทำงานร่วมกับฝ่ายการตลาดและการเงินมากขึ้น จากการทำธุรกิจเดิมๆ จะประสานฝ่ายไอที เป็นการจับมือกันในอุตสาหกรรมนำข้อมูลมาใช้ และต้องสร้างบุคลากรในตลาดโลก ที่เก่งคณิตศาสตร์ และแมส ซึ่งได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งให้มาสอนคนในไทย ถึงบิ๊ก ดาต้า และอนาไลติก อย่างลงลึก โดยทำมาพักหนึ่งแล้ว เห็นผลตอบรับค่อนข้างดีมาก" ปี 2556 ไอบีเอ็มมีรายได้จากธุรกิจบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าปี 2558 จะเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หน่วยธุรกิจใหม่"วัตสัน กรุ๊ป" จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และการรองรับอนาคต เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ "วัตสัน กรุ๊ป" เป็นหน่วยธุรกิจที่ 4 ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทอายุกว่า 100 ปีแห่งนี้ เพื่อจะเปลี่ยนไอทีสู่โลกใหม่ ต้องสอนคอมพิวเตอร์ให้เรียนรู้จากของเดิม ซึ่งเงินลงทุนปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ของไอบีเอ็มจะลงกับเรื่องนี้ 1 ใน 3 เพื่อจะสร้างสิ่งที่มาขายให้แก่ทุกอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร ค้าปลีก สุขภาพ ทั้งนี้ ในประเทศไทยก็จะตั้งหน่วยธุรกิจใหม่นี้เช่นกัน โดยแต่งตั้งผู้บริหารเข้ามาดูแลโดยเฉพาะ แต่ยังไม่ทำตลาดสุขภาพ ไอบีเอ็มมอง "คลาวด์" เป็นส่วนหนึ่งของบิสิเนส โมเดลใหม่ เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ลูกค้าองค์กรใหญ่จะขยับสู่ไฮบริด คลาวด์ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการดีที่สุดผ่านคลาวด์ ปี 2559 จะพบ 1 ใน 4 ของแอพพลิเคชั่นในโลกจะทำงานผ่านคลาวด์ 85% ของซอฟต์แวร์ใหม่จะสร้างบนคลาวด์ ปี 2560 ขนาดตลาดจะมีมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ปี 2563 การใช้จ่ายไอทีจะเป็นสัดส่วนของคลาวด์ 46% การแสดงความมุ่งมั่นของไอบีเอ็มที่จะทำตลาดคลาวด์ เช่น ลงทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์ ซื้อบริษัทซอฟต์เลเยอร์ และบริษัทอื่นๆ อีก 15 แห่ง และ 1.2 พันล้านดอลลาร์ขยายดาต้าเซ็นเตอร์ 40 แห่ง และในไทยกำลังทดสอบซอฟต์เลเยอร์ ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญคลาวด์ 3.6 หมื่นคน นักพัฒนามากกว่า 500 คน อัตราการเติบโตของรายได้คลาวด์ 70% ปี 2556 มีรายได้มากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ และประมาณครึ่งหนึ่งเป็นแอส อะ เซอร์วิส ลูกค้าใช้งานคลาวด์ของไอบีเอ็ม 80% เป็นบริษัทในฟอร์จูน 500

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม