Trip เลย์ ลาดักต้นฤดูใบไม้ผลิ
ค่าใช้จ่ายทัวร์เลย์ ลาดัก ประมาณการสำหรับ 5 ท่าน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1 | ค่าตั๋วเครื่องบิน | 15,700.00 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | program ทัวร์ 8 วัน 7 คืน ถ้า 6 คน ที่พักแบบ Deluxe รวมอาหารเช้าเย็น | 14,600.00 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | ค่าวีซ่า | 2,000.00 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | ค่าอ๊อกซิเจนกระป๋อง | 200 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | ค่าอาหารกลางวัน 8 วัน | 800 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | ค่าทิปคนขับรถ 8 วัน 3000 INR | 300 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | ค่าเข้าสถานที่ | 300 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | ค่าขี่อูฐ 15 นาที 500 INR | 250 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | ค่า Shopping | 3000 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | ค่าประกันภัย | 270 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รวม | 37,420.00 |
Flight ใช้สายการบิน Jet Airways + บินภายใน | ||
9W 63O 29APR 6 BKKDEL*SS4 2010 2315 | ||
9W2368O 30APR 7 DELIXL*SS4 0540 0705 | ||
9W2369O 07MAY 7 IXLDEL*SS4 0740 0910 | ||
9W 66O 07MAY 7 DELBKK*SS4 1400 1945 |
ค่าเข้าที่ Leh | |
Hemis -100 rp เสีย 54THB | |
Thiksey - 30 rp ไม่เสีย | |
Shey - 20 rp ไม่เสีย | |
Leh Palace - 100 rp ไม่เสีย | |
Shanti Stupa - 20 rp ไม่เสีย |
**สิ่งของที่ควรทำติดตัวไป**
ยา Diamox , ครีมกันแดด, โลชั่นทาผิว,ลิปส์มัน, เสื้อกันหนาวและถุงมือที่มีคุณภาพ, ทิชชู่แห้งและทิชชู่เปียก, อาหารกระป๋อง มาม่า
หรืออาหารปรุงเสร็จที่เพียงนำไปอุ่นก็ทานได้ เผื่อไว้ถ้าทานอะไรลำบาก ขนม ขนมปัง เผื่อนั่งรถหิว, กาแฟ3in1(ผมติดไปแพคใหญ่แบ่งคนที่นั่นทานพวกเค้าชอบมาก),หมวก แว่นกันแดด ผ้าปิดปากกันฝุ่น, กระติกน้ำร้อน, ช้อมส้อม(ผมติดไว้เผื่อเจอที่ที่ทานด้วยมือในเดลี),ยาพารา ยาดม
รูปภาพและวิดีโอดูผ่าน Google++
https://goo.gl/photos/YAFmUJmR2Vux9q3b6
https://goo.gl/photos/qFrMu9XR4wLiot3V8
https://goo.gl/photos/Bhej3tzTjh4SKted9
https://goo.gl/photos/tW9dZwBEF7sjeueT7
https://goo.gl/photos/PmUMYB5YtCXqUkgNA
https://goo.gl/photos/gePz3w1nW46X9bo4A
https://goo.gl/photos/7HRdv4Mw3RwQYuCg7
https://goo.gl/photos/GqHgS5UeRNrc9zkz6
https://goo.gl/photos/Ha9UeEKwVNbG3BQcA
https://goo.gl/photos/UVnTRJ7QFJ5FY5o28
https://www.facebook.com/paveenut.kongboon/videos/1474177622627189/
https://www.facebook.com/paveenut.kongboon/videos/1474176792627272/
บันทึกการเดินทาง By Num
วันที่ 30 เม.ย.60
เดินทางมาถึงอินเดียตอนเที่ยงคืน ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองทุกขั้นตอน แล้วมารอขึ้นเครื่อง Domestic Flight ไปเลห์ เวลา 7.40 น. เครื่องบินบรรทุกผู้โดยสารเต็มลำก็ออกเดินทาง เรานั่งติดริมหน้าต่างเพื่อดูวิวที่เค้าบอกว่าสวยงามมาก พอเครื่องบินไปได้สักพักเราเริ่มสังเกตุว่าภูมิประเทศมันเป็นที่ราบนี่นาไม่ใช่ภูเขา มันใช่เลห์ที่เราจะไปไหม ??? แล้วเครื่องบินก็ลงจอดยังสนามบินแห่งหนึ่งที่ดูทันสมัยมากๆ แล้วกัปตันก้อประกาศว่าเนื่องจากสภาพอากาศมีหายุหิมะทำให้เครื่องบิน บินต่อไม่ได้ต้องขอพักสัก 1 ชม. แล้วจะทำการบินต่อ โอยังโชคดีที่เรายังได้ไปเลห์ต่อค้า ถึงแม้จะมาถึง 10 โมงเช้าก็ยังดีกว่าไม่ได้มาเน้อ รับกระเป๋ากาตัวแทนคงไม่อยุ่รอรับแล้วล่ะ แต่คนแถวนั้นเค้าก้อช่วยโทรศัพท์ติดต่อที่พักจัดรถ Taxi 2 คัน เนื่องจากกระเป๋าเยอะ ให้มาส่งโรงแรม Offbeat Resident จนได้ทางเข้าขลุขละยังกะมาโลกพระจันทร์ จนท โรงแรมต้อนรับด้วยอาหารเช้าไข่เจียวผสมขนมปัง ชานมร้อน แล้วให้พวกเราไปนอนพักผ่อน ให้ลงมาทานอาหารกลางวันตอน บ่ายโมงครึ่ง เราก็ขึ้นไปนอนแต่นอนไม่หลับหรอก อ้อคณะเรามีฝนกับพี่อ้อยที่แพ้ความสูง ไม่ยอมทานยา Diamox ตอนแรกแต่เย็นนี้ต้องยอมทานเพราะอ๊วกกันตลอดๆ นัดรถ Taxi มารับตอน 4 โมงเย็นให้พาไปเที่ยว พี่อ้อยขอบายเนื่องจากร่างกายไม่ไหว ส่วนฝนฝืนนั่งไปเที่ยวด้วยแต่ไม่ได้ลงไปถ่ายภาพ บ่ายนี้ได้พาไปวัด Shey&Thisey Monastry จบลงด้วย Shanti Stupa เพราะมืดแล้ว แต่วิวบนเขานี้เห็นแสงไฟตัวเมืองเลห์อันสวยงาม เข้าที่พัก พักผ่อนนอนหลับอากาศแสนหนาว วันนี้ต้องปรับตัวกันเยอะทีเดียว เตรียมจัดกระเป๋าใบเล็กไปค้างคืนที่ Alchi พรุ่งนี้
อ้อที่นอนทุกที่ไม่มี Heater ไม่มีถุงน้ำร้อน แต่มีน้ำร้อนๆๆ ให้อาบน้ำจ้า
เราซื้อน้ำดื่มทานทุกวันขวดละ 10 บาท
วันที่ 1 พ.ค.60 เราออกเดินทาง 8.30 น. ไป Alchi -Moonland ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกับแม่น้ำสองสายมาบรรจบกันระหว่างแม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์ ผ่านเมืองคาลลี ที่กินกลางวัน วัดลามะยูรู ชมวัดอัลชิ ศิลปกรรมการแกะสลักไม้อันโดดเด่น
วันนี้ได้ไปเที่ยวหมู่บ้าน Alchi ที่เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมเพาะปลูก รร ที่พักคืนนี้พอนอนได้เป็น รร เก่า ที่ดูดีสุดในหมู่บ้านนี้ เราขึ้นไปพักชั้น 2 มีทีวีแต่ไม่เคยเปิด internet ติดๆ ดับๆ อดเล่นเลย ใช้ชีวิตแบบ slow life มากๆ
แถวที่พักมีต้นแอพพลิคอท ดอกกำลังบานให้ถ่ายรูปสวยงามมาก ชื่นชมความงาม ในหมู่บ้านมีร้านขายของพวกหินสี เช่น เทอรควอยส ก้อไม่พลาดที่จะซื้อได้แหวน ราคา 200 รูปีและสร้อยข้อมือราคาเท่ากันมาใส่เล่น
มีพี่อ้อยไปด้วยเลยได้ต่อรองราคาสนุกสนานอิๆ อยู่นี่ได้เข้าที่พักตั้งแต่ 4 โมง
ลืมเล่าว่าภูมิประเทศ 2 ข้างทางสวยงามแปลกตา แม่น้ำก้อสีเขียวใสสะอาด คงไหลมาจากหิมะละลาย ภูเขาหน้าตาแปลกๆ ที่นี่หินเยอะจิงๆ
วันที่ 2 พ.ค.60
เดินทางกลับมาเลห์ แวะเที่ยว Hall Of Flame มีร้านขายของที่ระลึก ช่วยสนับสนุนทหารของที่นี่โดยการซื้อของ ทหารของที่นี่ลำบากมากต้องต่อสู้กับอากาศที่หนาวเย็นและภูมิประเทศที่เป็นเขาและหิมะ
วันนี้ได้ซื้อผ้าพันคอปักดอกไม้ผืนละ 1 พันบาท และปลอกหมอนปัก 2 ใบ
เมื่อคืนทำท่าจะหายใจไม่ออกเลยลองเอายูคาลิปตัสมาลองใช้ก่อน
ตอนเย็นก่อนเดินทางไป นูบลา จนท โรงแรมมา update ว่าเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ให้แทน innova เพราะรถเสียนำไปซ่อม พวกเราดีใจได้ใช้รถใหญ่อิๆ จะได้นั่งสบาย โปรแกรมพรุ่งนี้คือไปทะเลทราย แล้วได้พักบ้านแทน camp เย้ ดีใจต่อที่สอง เที่ยวที่นี่มีลุ้นทุกวัน แต่ธรรมชาติสวยงามมากค่ะ
มาถึงที่พักที่เลห์ประมาณ 5 โมงเลยขอให้ทางโรงแรมเรียก Taxi เพื่อไป Shopping ที่ Main Barzar ตลาดตัวเมืองในเลห์กันดีกว่า ได้ผลิตภัณฑ์หิมาลายันต่างๆ ได้แก่ครีมทาเท้า ทาแก้หวัด เอาไว้มาเป็นของฝาก รู้สึกร้านนี้จะเป็นที่ที่คนไทยทุกคนต้องแวะมาจนของหมดร้านค้า... ^^ ได้ตุ้มหูคู่ละ 60 บาท มา 3 คู่
ตอนเย็นก่อนเดินทางไป นูบลา จนท มา update ว่าเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ให้แทน Innova เพราะรถเสียนำไปซ่อม พวกเราดีใจได้ใช้รถใหญ่อิๆ จะได้นั่งสบาย โปรแกรมพรุ่งนี้คือไปทะเลทราย แล้วได้พักบ้านแทน camp เย้ ดีใจต่อที่สอง เที่ยวที่นี่มีลุ้นทุกวัน แต่ธรรมชาติสวยงามมากค่ะ
วันที่ 3 พ.ค.60
การเดินทางอันแสนหฤโหดของเราได้เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันนี้ นั่งรถไต่เขาขึ้นไปเดินรถได้ทางเดียว มีรถตามกันมาเป็นพรวน ไม่น่าเชื่อว่าคนจะมาเที่ยวได้เป็น 100 คัน ผ่านภูเขาน้ำแข็ง ถนนมี จนท คอยปัดกวาดหิมะ เกลี่ยให้รถใช้กันได้ ก้อเป็นการจัดการถนนใช้ร่วมกันที่ดีมาก ถึงจุดสูงสุด 18000 ฟุต เกิดอาการมึนหัว หายใจติดขัด เป็นเพราะเดินไปฉี่และถ่ายรูปไปมา อ้อที่นี่ได้นั่งฉี่ outdoor วิวสวยที่สุดท่ามกลางหิมะขาวโพลน เราต้องใส่แว่นตากันแดดตลอดเวลาเพราะแดดที่นี่แรงสะท้อนเข้าตา แสบตามาก ทั้งหนาวทั้งร้อนในคราเดียวกัน มีกิจกรรมตามหาที่พักที่ Nubra เพราะคนขับไม่ค่อยรู้เส้นทาง ในที่สุดเราก็หาที่พักเจอ เป็นบ้านแล้วทำเป็นที่พัก
แวะพักกินข้าวเที่ยงก้อเกือบบ่ายสองโมง ซื้อน้ำดื่ม น้ำมะม่วงอร่อยดีนะ คนขับรถหาที่พักตลอดทาง มันคงลึกลับมาก ที่พักคืนนี้ชื่อ Youryum guesthouse เป็นบ้านเอามาทำที่พัก มีที่ปลูกผักด้วย เราพักชั้น 1 กิจการคงดีเห็นกำลังสร้างชั้น 2 อยู่ หลังบ้านมีต้น apricot ด้วย กำลังออกดอกแบบ full bloom เลย ต้องเก็บภาพซะหน่อย ลงทุนปีนขึ้นไปกันเลยได้ภาพมาถูกใจ ก่อนตะวันตกดินให้คนขับพาไปเที่ยววัดก่อน วัดเก่าแก่ทีเดียวได้เงินมาก่อสร้างอาคารและที่ดินอีกเยอะ มีพระองค์ใหญ่อยู่บนหน้าผา ขากลับรถติดเล็กน้อย ถึงที่พักอาบน้ำ ทานข้าว เย็นนี้มีบะหมี่คล้าย pasta ต้มผัก พอกินได้ ฝนกะพี่อ้อยกินมาม่าเช่นเคย อาหารที่นี่ไม่มีเนื้อสัตว์ดีที่เตรียมไปเอง อ้อน้ำร้อนอาบน้ำที่นี่สีขุ่นไม่ใส แต่ดีที่น้ำเย็นใส นึกว่าที่พักจะมีแต่คณะเราซะพอ 2 ทุ่มก้อมีคณะคนไทยอีกคณะเข้ามา ที่พักที่นี่เลยเต็มทุกห้อง ไม่มี heater เหมือนเดิม
วันที่ 4 พ.ค.60
เช้าออกจากที่พัก 7 โมง รีบออกเพราะต้องไปหลายที่ คนขับบอกว่าจะพาไปดูทะเลสาปแต่หลงทางไปกลับหลายรอบสุดท้ายพาขึ้นเขาไปดูหมู่บ้าน unseen แทน แต่วิวสองข้างทางสวยสุดยอดมากได้แวะฉี่แบบ outdoor บรรยากาศดีสุดๆ สายหน่อยไปขี่อูฐ คนละ 200 รูปี 15 นาที แล้วเดินทางกลับ ทานอาหารที่ร้นบนเขาสั่งข้าวผัด 1 จากกิน 5 คน และชานม ขอถ่ายรูปกับตัวยาสหน่อย วันนี้แดดไม่ค่อยมี ระหว่างเข้าคิวรอ stamp บัตรผ่าน เจอหิมะตกปรอยๆ คนเดินทางชาวอินเดียออกมาเล่นหิมะกันใหญ่ ทุกคนชอบถ่ายรูปกับหิมะ คนขับรถลืมเติมน้ำมันอ่ะเปล่า เพระาเราเห็นรถน้ำมันจะหมดแล้วมาอยู่ที่ตัว E แล้วน้า ในที่สุดก็มาถึงตัวเมืองเลห์น้ำมันหมดพอดี แต่มีร้านแถวนั้นที่เอาน้ำมันมาเติมรถทำให้สามารถขับไปต่อได้ วนเวียนหาทางเข้าโรงแรมอยู่นาน ขับชมเมืองตอนกลางคืนซะงั้น ในที่สุดก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย...
ถึงที่พัก 3 ทุ่ม ดึกสุดใน Trip
วันที่ 5 พ.ค.60
วันนี้ จนท. ให้ออกเดินทาง 9 โมง เนื่องจากเมื่อคืนมาถึงดึกต้องการให้เราพักผ่อนเต็มที่เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าพี่ตุ๊กจะพยายามต่อรองยังไงก็ไม่ได้ OK คณะเราแวะซื้อน้ำดื่ม 1 ลัง ก่อนออกเดินทาง เส้นทางขึ้นเขาหิมะอีกแล้ว วันนี้คนขับรถคนใหม่ เค้าบอกว่ามาจากนูบลา อายุ 25 ปีเองแต่ดูแก่จัง ขับรถเก่งมาก เส้นทางหิมะไม่ต้องใช้โซ่พันก็ขับได้ค้า
ถึงจุดสูงสุดของภูเขาแวะฉี่ เจอพายุหิมะเล็กน้อย ถ่ายรุปกับจุดสูงสุด 17000 ระดับนี้รู้สึกจะไม่มีอาการไรน้า แต่มีหิมะเดินลื่นหกล้มเลยอ้า คนขับมาช่วยยกตัวขึ้นอิๆ
ลงจากเขามาแวะกินข้าวกลางวันตอนบ่าย 2 มีบะหมี่ Maggie ให้ทานกับชานมก็อร่อยดี
เดินทางผ่านภูเขาหิน ถึงที่พัก 4 โมงเย็นที่พักสร้างด้วยไม้บางๆ ก็คงดีกว่าเต้นท์เนอะ ลมแรงดี ถ่ายรูปกับทะเลสาปแปงกอง อาหารเย็นเริ่มเวลา 1 ทุ่มครึ่ง ไฟจะดับตอน 4 ทุ่ม ใช้ตะเกียงแทนนะ
เนื่องจากอากาศที่นี่หนาวมาติดลบน้ำในท่อประปาเลยแข็งไม่ไหล จนท โรงแรมต้องใช้วิธีตักน้ำมาให้เราใช้เข้าส้วมแทน ขอบอกว่าเราไม่ต้องอาบน้ำกันค่ะ แค่แปรงฟันกะล้างหน้าพอแล้ว
คืนนี้เป็นคืน ที่นอนหนาวเย็นที่สุดใน Trip อุณหภูมิน่าจะติดลบ 10 องศา โอแม่เจ้า แล้วเราก็ผ่านคืนนี้มาได้
วันที่ 6 พ.ค.
ตื่นเช้ามาพร้อมกับแสงพระอาทิตย์ไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้เจอพระอาทิตย์มาก่อนเลย พระอาทิตย์มาช่วยไล่ความหนาวให้แล้ว เย้!
อาหารเช้ามีขนมปัง กะนมร้อน ไข่ต้ม
วันนี้อากาศดีมาก เราออกจากที่พัก 8 โมงครึ่ง มองออกไปจากที่พักจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลสาป มองวิวอันสวยงามเริ่มออกเดินทางกลับเลห์ แวะถ่ายรูปอำลาทะเลสาปอีก 1 ครั้ง การเดินทางผ่านเส้นทางขึ้นเขาหิมะเช่นเคย ณ ที่นี้เราเจอรถติดเนื่องจากทางแคบการสวนทางกันของรถทำได้ลำบาก แต่ชาวเลห์ก้อมีวิธีการจัดการขราจรแบบบ้านๆ ให้ผ่านไปได้ เออนั่งรถนานจนปวดฉี่ แวะฉี่ที่จุดสูงสุดเช่นเคย เจอผู้ร่วมเดินทางมากมาย ลงจากเขาถึงพื้นดินก้อเกือบบ่าย 2 คนขับแวะให้ทานข้าวเที่ยง เราสั่งหมี่ผัดและข้าวเปล่า พร้อมพกอาหารมาทานเอง หลังจากนั้นแวะเที่ยววัดเฮมิส อันสวยงามใหญ่โต เค้าว่าเป็นที่อยู่ของลามะเป็นร้อยรูปเลยทีเดียว วัดนี้มีพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ประจำปีด้วย ขอแวะถ่ายรูปที่เลห์ palace
แล้วจ้างคนขับคนเดิมให้พามาเที่ยวตลาดต่อเก็บตกสำหรับคนที่ยังได้ของไม่ครบ ซื้อเสื้อยืดสีดำตามพี่ตุ๊กมา 1 ตัวผ้าดีเชียว
วันที่ 7 พ.ค.60
ตื่นตี 5 เก็บของเรียบร้อยออกจากที่พัก
และแล้ววันสุดท้ายของการเดินทางก้อมาถึง เราออกจากที่พัก 6 โมงเช้าเพื่อไปสนามบินเลห์ เจอนักท่องเที่ยวไทยมากมาย ผ่านกระบวนการตรวจสิ่งของ และร่างกายอย่างเข้มข้น เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ระเบิดที่สนามบิน นั่งรถบัสมาขึ้นเครื่อง ได้ที่นั่งแถว 34A เพื่อติดหน้าต่าง อำลาเมืองเลห์ครั้งสุดท้ายด้วยรอยิ้ม เราผ่านการเดินทางที่ยากลำบากในการไปถึงแต่ละสถานที่มาได้อย่างไร หวังว่ากระเป๋าที่เราโหลดจะไปรอที่ BKK อย่างปลอดภัยน้า ^^
สนามบินอินธิราคานทีคนเยอะมากต่อคิวเข้าไปข้างใน gate เป็น ชม ค้า มี net ให้เล่น free 40 นาที พอได้ส่งรูปและติดต่อทางบ้าน หลังจากไม่มี net ใช้มา 7 วัน ดีใจสุดๆ
ใครมีเงินรูปีเหลือก็มา Shop ต่อที่สนามบินนี่ล่ะ เราซื้อชา
กลางวันทาน Mac ไก่ที่สนามบิน รสชาติใช้ได้ ร้านหิมาลายันจะเป็นแหล่งรวมคนไทยที่ทุกคนต้องไปซื้อของ ซื้อชามาฝากที่บ้านและครูไก่ ไม่รู้จะซื้อไรดี แต่ว่าเงิน 5000 บาทที่แลกไปก้อใช้หมดเลยนะ บ่ายโมงมานั่งรอที่ gate 9 ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับไทยแล้วดีจัง เวลาที่ Delhi ช้ากว่าไทย 1.5 ชม พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว กลับสู่โลกแห่งความจริง สนามบินที่นี่ใหญ่จิง เดินไกลมากๆๆๆกว่าจะถึง gate ขอบคุณเพื่อนร่วม trip พี่อ้อย พี่ตุ๊ก พี่สมใจ ฝน ที่ทำให้ trip ครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี แบ่งปันอาหาร และกุ้งอบวุ้นเส้นที่แสนอร่อย พี่อ้อยลงทุนเข้าครัวไปกำกับพ่อครัวเลห์กันเลยที่เดียว
รูปภาพและวิดีโอดูผ่าน Google++
https://goo.gl/photos/YAFmUJmR2Vux9q3b6
https://goo.gl/photos/qFrMu9XR4wLiot3V8
https://goo.gl/photos/Bhej3tzTjh4SKted9
https://goo.gl/photos/tW9dZwBEF7sjeueT7
https://goo.gl/photos/PmUMYB5YtCXqUkgNA
https://goo.gl/photos/gePz3w1nW46X9bo4A
https://goo.gl/photos/7HRdv4Mw3RwQYuCg7
https://goo.gl/photos/GqHgS5UeRNrc9zkz6
https://goo.gl/photos/Ha9UeEKwVNbG3BQcA
https://goo.gl/photos/UVnTRJ7QFJ5FY5o28
https://www.facebook.com/paveenut.kongboon/videos/1474177622627189/
https://www.facebook.com/paveenut.kongboon/videos/1474176792627272/
บันทึกการเดินทาง By Num
วันที่ 30 เม.ย.60
เดินทางมาถึงอินเดียตอนเที่ยงคืน ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองทุกขั้นตอน แล้วมารอขึ้นเครื่อง Domestic Flight ไปเลห์ เวลา 7.40 น. เครื่องบินบรรทุกผู้โดยสารเต็มลำก็ออกเดินทาง เรานั่งติดริมหน้าต่างเพื่อดูวิวที่เค้าบอกว่าสวยงามมาก พอเครื่องบินไปได้สักพักเราเริ่มสังเกตุว่าภูมิประเทศมันเป็นที่ราบนี่นาไม่ใช่ภูเขา มันใช่เลห์ที่เราจะไปไหม ??? แล้วเครื่องบินก็ลงจอดยังสนามบินแห่งหนึ่งที่ดูทันสมัยมากๆ แล้วกัปตันก้อประกาศว่าเนื่องจากสภาพอากาศมีหายุหิมะทำให้เครื่องบิน บินต่อไม่ได้ต้องขอพักสัก 1 ชม. แล้วจะทำการบินต่อ โอยังโชคดีที่เรายังได้ไปเลห์ต่อค้า ถึงแม้จะมาถึง 10 โมงเช้าก็ยังดีกว่าไม่ได้มาเน้อ รับกระเป๋ากาตัวแทนคงไม่อยุ่รอรับแล้วล่ะ แต่คนแถวนั้นเค้าก้อช่วยโทรศัพท์ติดต่อที่พักจัดรถ Taxi 2 คัน เนื่องจากกระเป๋าเยอะ ให้มาส่งโรงแรม Offbeat Resident จนได้ทางเข้าขลุขละยังกะมาโลกพระจันทร์ จนท โรงแรมต้อนรับด้วยอาหารเช้าไข่เจียวผสมขนมปัง ชานมร้อน แล้วให้พวกเราไปนอนพักผ่อน ให้ลงมาทานอาหารกลางวันตอน บ่ายโมงครึ่ง เราก็ขึ้นไปนอนแต่นอนไม่หลับหรอก อ้อคณะเรามีฝนกับพี่อ้อยที่แพ้ความสูง ไม่ยอมทานยา Diamox ตอนแรกแต่เย็นนี้ต้องยอมทานเพราะอ๊วกกันตลอดๆ นัดรถ Taxi มารับตอน 4 โมงเย็นให้พาไปเที่ยว พี่อ้อยขอบายเนื่องจากร่างกายไม่ไหว ส่วนฝนฝืนนั่งไปเที่ยวด้วยแต่ไม่ได้ลงไปถ่ายภาพ บ่ายนี้ได้พาไปวัด Shey&Thisey Monastry จบลงด้วย Shanti Stupa เพราะมืดแล้ว แต่วิวบนเขานี้เห็นแสงไฟตัวเมืองเลห์อันสวยงาม เข้าที่พัก พักผ่อนนอนหลับอากาศแสนหนาว วันนี้ต้องปรับตัวกันเยอะทีเดียว เตรียมจัดกระเป๋าใบเล็กไปค้างคืนที่ Alchi พรุ่งนี้
อ้อที่นอนทุกที่ไม่มี Heater ไม่มีถุงน้ำร้อน แต่มีน้ำร้อนๆๆ ให้อาบน้ำจ้า
เราซื้อน้ำดื่มทานทุกวันขวดละ 10 บาท
วันที่ 1 พ.ค.60 เราออกเดินทาง 8.30 น. ไป Alchi -Moonland ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกับแม่น้ำสองสายมาบรรจบกันระหว่างแม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์ ผ่านเมืองคาลลี ที่กินกลางวัน วัดลามะยูรู ชมวัดอัลชิ ศิลปกรรมการแกะสลักไม้อันโดดเด่น
วันนี้ได้ไปเที่ยวหมู่บ้าน Alchi ที่เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมเพาะปลูก รร ที่พักคืนนี้พอนอนได้เป็น รร เก่า ที่ดูดีสุดในหมู่บ้านนี้ เราขึ้นไปพักชั้น 2 มีทีวีแต่ไม่เคยเปิด internet ติดๆ ดับๆ อดเล่นเลย ใช้ชีวิตแบบ slow life มากๆ
แถวที่พักมีต้นแอพพลิคอท ดอกกำลังบานให้ถ่ายรูปสวยงามมาก ชื่นชมความงาม ในหมู่บ้านมีร้านขายของพวกหินสี เช่น เทอรควอยส ก้อไม่พลาดที่จะซื้อได้แหวน ราคา 200 รูปีและสร้อยข้อมือราคาเท่ากันมาใส่เล่น
มีพี่อ้อยไปด้วยเลยได้ต่อรองราคาสนุกสนานอิๆ อยู่นี่ได้เข้าที่พักตั้งแต่ 4 โมง
ลืมเล่าว่าภูมิประเทศ 2 ข้างทางสวยงามแปลกตา แม่น้ำก้อสีเขียวใสสะอาด คงไหลมาจากหิมะละลาย ภูเขาหน้าตาแปลกๆ ที่นี่หินเยอะจิงๆ
วันที่ 2 พ.ค.60
เดินทางกลับมาเลห์ แวะเที่ยว Hall Of Flame มีร้านขายของที่ระลึก ช่วยสนับสนุนทหารของที่นี่โดยการซื้อของ ทหารของที่นี่ลำบากมากต้องต่อสู้กับอากาศที่หนาวเย็นและภูมิประเทศที่เป็นเขาและหิมะ
วันนี้ได้ซื้อผ้าพันคอปักดอกไม้ผืนละ 1 พันบาท และปลอกหมอนปัก 2 ใบ
เมื่อคืนทำท่าจะหายใจไม่ออกเลยลองเอายูคาลิปตัสมาลองใช้ก่อน
ตอนเย็นก่อนเดินทางไป นูบลา จนท โรงแรมมา update ว่าเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ให้แทน innova เพราะรถเสียนำไปซ่อม พวกเราดีใจได้ใช้รถใหญ่อิๆ จะได้นั่งสบาย โปรแกรมพรุ่งนี้คือไปทะเลทราย แล้วได้พักบ้านแทน camp เย้ ดีใจต่อที่สอง เที่ยวที่นี่มีลุ้นทุกวัน แต่ธรรมชาติสวยงามมากค่ะ
มาถึงที่พักที่เลห์ประมาณ 5 โมงเลยขอให้ทางโรงแรมเรียก Taxi เพื่อไป Shopping ที่ Main Barzar ตลาดตัวเมืองในเลห์กันดีกว่า ได้ผลิตภัณฑ์หิมาลายันต่างๆ ได้แก่ครีมทาเท้า ทาแก้หวัด เอาไว้มาเป็นของฝาก รู้สึกร้านนี้จะเป็นที่ที่คนไทยทุกคนต้องแวะมาจนของหมดร้านค้า... ^^ ได้ตุ้มหูคู่ละ 60 บาท มา 3 คู่
ตอนเย็นก่อนเดินทางไป นูบลา จนท มา update ว่าเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ให้แทน Innova เพราะรถเสียนำไปซ่อม พวกเราดีใจได้ใช้รถใหญ่อิๆ จะได้นั่งสบาย โปรแกรมพรุ่งนี้คือไปทะเลทราย แล้วได้พักบ้านแทน camp เย้ ดีใจต่อที่สอง เที่ยวที่นี่มีลุ้นทุกวัน แต่ธรรมชาติสวยงามมากค่ะ
วันที่ 3 พ.ค.60
การเดินทางอันแสนหฤโหดของเราได้เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันนี้ นั่งรถไต่เขาขึ้นไปเดินรถได้ทางเดียว มีรถตามกันมาเป็นพรวน ไม่น่าเชื่อว่าคนจะมาเที่ยวได้เป็น 100 คัน ผ่านภูเขาน้ำแข็ง ถนนมี จนท คอยปัดกวาดหิมะ เกลี่ยให้รถใช้กันได้ ก้อเป็นการจัดการถนนใช้ร่วมกันที่ดีมาก ถึงจุดสูงสุด 18000 ฟุต เกิดอาการมึนหัว หายใจติดขัด เป็นเพราะเดินไปฉี่และถ่ายรูปไปมา อ้อที่นี่ได้นั่งฉี่ outdoor วิวสวยที่สุดท่ามกลางหิมะขาวโพลน เราต้องใส่แว่นตากันแดดตลอดเวลาเพราะแดดที่นี่แรงสะท้อนเข้าตา แสบตามาก ทั้งหนาวทั้งร้อนในคราเดียวกัน มีกิจกรรมตามหาที่พักที่ Nubra เพราะคนขับไม่ค่อยรู้เส้นทาง ในที่สุดเราก็หาที่พักเจอ เป็นบ้านแล้วทำเป็นที่พัก
แวะพักกินข้าวเที่ยงก้อเกือบบ่ายสองโมง ซื้อน้ำดื่ม น้ำมะม่วงอร่อยดีนะ คนขับรถหาที่พักตลอดทาง มันคงลึกลับมาก ที่พักคืนนี้ชื่อ Youryum guesthouse เป็นบ้านเอามาทำที่พัก มีที่ปลูกผักด้วย เราพักชั้น 1 กิจการคงดีเห็นกำลังสร้างชั้น 2 อยู่ หลังบ้านมีต้น apricot ด้วย กำลังออกดอกแบบ full bloom เลย ต้องเก็บภาพซะหน่อย ลงทุนปีนขึ้นไปกันเลยได้ภาพมาถูกใจ ก่อนตะวันตกดินให้คนขับพาไปเที่ยววัดก่อน วัดเก่าแก่ทีเดียวได้เงินมาก่อสร้างอาคารและที่ดินอีกเยอะ มีพระองค์ใหญ่อยู่บนหน้าผา ขากลับรถติดเล็กน้อย ถึงที่พักอาบน้ำ ทานข้าว เย็นนี้มีบะหมี่คล้าย pasta ต้มผัก พอกินได้ ฝนกะพี่อ้อยกินมาม่าเช่นเคย อาหารที่นี่ไม่มีเนื้อสัตว์ดีที่เตรียมไปเอง อ้อน้ำร้อนอาบน้ำที่นี่สีขุ่นไม่ใส แต่ดีที่น้ำเย็นใส นึกว่าที่พักจะมีแต่คณะเราซะพอ 2 ทุ่มก้อมีคณะคนไทยอีกคณะเข้ามา ที่พักที่นี่เลยเต็มทุกห้อง ไม่มี heater เหมือนเดิม
วันที่ 4 พ.ค.60
เช้าออกจากที่พัก 7 โมง รีบออกเพราะต้องไปหลายที่ คนขับบอกว่าจะพาไปดูทะเลสาปแต่หลงทางไปกลับหลายรอบสุดท้ายพาขึ้นเขาไปดูหมู่บ้าน unseen แทน แต่วิวสองข้างทางสวยสุดยอดมากได้แวะฉี่แบบ outdoor บรรยากาศดีสุดๆ สายหน่อยไปขี่อูฐ คนละ 200 รูปี 15 นาที แล้วเดินทางกลับ ทานอาหารที่ร้นบนเขาสั่งข้าวผัด 1 จากกิน 5 คน และชานม ขอถ่ายรูปกับตัวยาสหน่อย วันนี้แดดไม่ค่อยมี ระหว่างเข้าคิวรอ stamp บัตรผ่าน เจอหิมะตกปรอยๆ คนเดินทางชาวอินเดียออกมาเล่นหิมะกันใหญ่ ทุกคนชอบถ่ายรูปกับหิมะ คนขับรถลืมเติมน้ำมันอ่ะเปล่า เพระาเราเห็นรถน้ำมันจะหมดแล้วมาอยู่ที่ตัว E แล้วน้า ในที่สุดก็มาถึงตัวเมืองเลห์น้ำมันหมดพอดี แต่มีร้านแถวนั้นที่เอาน้ำมันมาเติมรถทำให้สามารถขับไปต่อได้ วนเวียนหาทางเข้าโรงแรมอยู่นาน ขับชมเมืองตอนกลางคืนซะงั้น ในที่สุดก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย...
ถึงที่พัก 3 ทุ่ม ดึกสุดใน Trip
วันที่ 5 พ.ค.60
วันนี้ จนท. ให้ออกเดินทาง 9 โมง เนื่องจากเมื่อคืนมาถึงดึกต้องการให้เราพักผ่อนเต็มที่เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าพี่ตุ๊กจะพยายามต่อรองยังไงก็ไม่ได้ OK คณะเราแวะซื้อน้ำดื่ม 1 ลัง ก่อนออกเดินทาง เส้นทางขึ้นเขาหิมะอีกแล้ว วันนี้คนขับรถคนใหม่ เค้าบอกว่ามาจากนูบลา อายุ 25 ปีเองแต่ดูแก่จัง ขับรถเก่งมาก เส้นทางหิมะไม่ต้องใช้โซ่พันก็ขับได้ค้า
ถึงจุดสูงสุดของภูเขาแวะฉี่ เจอพายุหิมะเล็กน้อย ถ่ายรุปกับจุดสูงสุด 17000 ระดับนี้รู้สึกจะไม่มีอาการไรน้า แต่มีหิมะเดินลื่นหกล้มเลยอ้า คนขับมาช่วยยกตัวขึ้นอิๆ
ลงจากเขามาแวะกินข้าวกลางวันตอนบ่าย 2 มีบะหมี่ Maggie ให้ทานกับชานมก็อร่อยดี
เดินทางผ่านภูเขาหิน ถึงที่พัก 4 โมงเย็นที่พักสร้างด้วยไม้บางๆ ก็คงดีกว่าเต้นท์เนอะ ลมแรงดี ถ่ายรูปกับทะเลสาปแปงกอง อาหารเย็นเริ่มเวลา 1 ทุ่มครึ่ง ไฟจะดับตอน 4 ทุ่ม ใช้ตะเกียงแทนนะ
เนื่องจากอากาศที่นี่หนาวมาติดลบน้ำในท่อประปาเลยแข็งไม่ไหล จนท โรงแรมต้องใช้วิธีตักน้ำมาให้เราใช้เข้าส้วมแทน ขอบอกว่าเราไม่ต้องอาบน้ำกันค่ะ แค่แปรงฟันกะล้างหน้าพอแล้ว
คืนนี้เป็นคืน ที่นอนหนาวเย็นที่สุดใน Trip อุณหภูมิน่าจะติดลบ 10 องศา โอแม่เจ้า แล้วเราก็ผ่านคืนนี้มาได้
วันที่ 6 พ.ค.
ตื่นเช้ามาพร้อมกับแสงพระอาทิตย์ไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้เจอพระอาทิตย์มาก่อนเลย พระอาทิตย์มาช่วยไล่ความหนาวให้แล้ว เย้!
อาหารเช้ามีขนมปัง กะนมร้อน ไข่ต้ม
วันนี้อากาศดีมาก เราออกจากที่พัก 8 โมงครึ่ง มองออกไปจากที่พักจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลสาป มองวิวอันสวยงามเริ่มออกเดินทางกลับเลห์ แวะถ่ายรูปอำลาทะเลสาปอีก 1 ครั้ง การเดินทางผ่านเส้นทางขึ้นเขาหิมะเช่นเคย ณ ที่นี้เราเจอรถติดเนื่องจากทางแคบการสวนทางกันของรถทำได้ลำบาก แต่ชาวเลห์ก้อมีวิธีการจัดการขราจรแบบบ้านๆ ให้ผ่านไปได้ เออนั่งรถนานจนปวดฉี่ แวะฉี่ที่จุดสูงสุดเช่นเคย เจอผู้ร่วมเดินทางมากมาย ลงจากเขาถึงพื้นดินก้อเกือบบ่าย 2 คนขับแวะให้ทานข้าวเที่ยง เราสั่งหมี่ผัดและข้าวเปล่า พร้อมพกอาหารมาทานเอง หลังจากนั้นแวะเที่ยววัดเฮมิส อันสวยงามใหญ่โต เค้าว่าเป็นที่อยู่ของลามะเป็นร้อยรูปเลยทีเดียว วัดนี้มีพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ประจำปีด้วย ขอแวะถ่ายรูปที่เลห์ palace
แล้วจ้างคนขับคนเดิมให้พามาเที่ยวตลาดต่อเก็บตกสำหรับคนที่ยังได้ของไม่ครบ ซื้อเสื้อยืดสีดำตามพี่ตุ๊กมา 1 ตัวผ้าดีเชียว
วันที่ 7 พ.ค.60
ตื่นตี 5 เก็บของเรียบร้อยออกจากที่พัก
และแล้ววันสุดท้ายของการเดินทางก้อมาถึง เราออกจากที่พัก 6 โมงเช้าเพื่อไปสนามบินเลห์ เจอนักท่องเที่ยวไทยมากมาย ผ่านกระบวนการตรวจสิ่งของ และร่างกายอย่างเข้มข้น เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ระเบิดที่สนามบิน นั่งรถบัสมาขึ้นเครื่อง ได้ที่นั่งแถว 34A เพื่อติดหน้าต่าง อำลาเมืองเลห์ครั้งสุดท้ายด้วยรอยิ้ม เราผ่านการเดินทางที่ยากลำบากในการไปถึงแต่ละสถานที่มาได้อย่างไร หวังว่ากระเป๋าที่เราโหลดจะไปรอที่ BKK อย่างปลอดภัยน้า ^^
สนามบินอินธิราคานทีคนเยอะมากต่อคิวเข้าไปข้างใน gate เป็น ชม ค้า มี net ให้เล่น free 40 นาที พอได้ส่งรูปและติดต่อทางบ้าน หลังจากไม่มี net ใช้มา 7 วัน ดีใจสุดๆ
ใครมีเงินรูปีเหลือก็มา Shop ต่อที่สนามบินนี่ล่ะ เราซื้อชา
กลางวันทาน Mac ไก่ที่สนามบิน รสชาติใช้ได้ ร้านหิมาลายันจะเป็นแหล่งรวมคนไทยที่ทุกคนต้องไปซื้อของ ซื้อชามาฝากที่บ้านและครูไก่ ไม่รู้จะซื้อไรดี แต่ว่าเงิน 5000 บาทที่แลกไปก้อใช้หมดเลยนะ บ่ายโมงมานั่งรอที่ gate 9 ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับไทยแล้วดีจัง เวลาที่ Delhi ช้ากว่าไทย 1.5 ชม พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว กลับสู่โลกแห่งความจริง สนามบินที่นี่ใหญ่จิง เดินไกลมากๆๆๆกว่าจะถึง gate ขอบคุณเพื่อนร่วม trip พี่อ้อย พี่ตุ๊ก พี่สมใจ ฝน ที่ทำให้ trip ครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี แบ่งปันอาหาร และกุ้งอบวุ้นเส้นที่แสนอร่อย พี่อ้อยลงทุนเข้าครัวไปกำกับพ่อครัวเลห์กันเลยที่เดียว
ความคิดเห็น