กำหนดการเดินทาง
วันที่ 20-29 มี. ค. 62 59,900.-
• เข้าชมโบสถ์ซากราดา แฟมิเลีย (La Sagrada Familia) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ของเมือง โดยฝีมือการออกแบบของ อันตอนี เกาดี
• ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ที่ La Roca Village Outlet
• ตื่นตากับรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1
• เข้าชมพระราชวังหลวง (Royal Palace)
• ตื่นตาตื่นใจกับแหลมวินเซนท์ (Cape of St.Vincent)
• ชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป
• ชมโชว์ ระบำ ฟลามิงโก ศิลปะระบำสเปน
• ชิมเมนูท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาด ข้าวผัดสเปน,หมูหันสเปน,ทาร์ตไข่โปรตุเกส
หัวหน้าทัวร์ คุณกิตติพันธ์ ติ๊ก เลสลี่ ยอร์ช โทร. 081-824-7101
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ |
22.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
เดินทางด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำเล็ก นอนกันมาเลยเพราะดึกแล้ว |
|
|
วันที่ 2 | กรุงเทพฯ - ดูไบ – บาร์เซโลน่า – เข้าชมโบสถ์ซากราดา แฟมิเลีย – เข้าชมปาร์ค กูเอล |
01.05 น. | ออกเดินทางสู่บาร์เซโลน่า โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385 ***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 01.15 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น.*** |
05.00 น. | เดินทางถึง สนามบินดูไบ แวะรอเปลี่ยนเครื่อง
ถึงดูไบแล้ว รอเปลี่ยนเครื่อง 3 ชม ไม่นานเลยกำลังดี เที่ยวนี้เราได้บิน Airbus380 เครื่อง 2 ชั้นลำใหญ่แล้ว ดีจังชอบมาขามาได้ลำเล็กที่นั่งแคบขาก้อเหยียดไม่ได้ ครานี้ได้ที่นั่งแถวริมหน้าต่างกว้างหน่อยได้ดูวิวเมืองดูไบด้วย บ้านเมืองเค้ามีบ้านใหญ่ๆ เต็มไปหมดเลย แต่ไม่มีต้นไม้ ได้เห็นโครวการ palm beach ด้วยช่างหรูหรา มาต่อที่นั่งเครื่องบินได้นั่งโซนหลังสุดชอบมาก ใกล้ห้องน้ำหลายห้อง ลำนี้ serve เราด้วยอาหารเช้าเป็นพายบลูเบอรรี่ กะโยเกิตร์ กลางวันเป็นไก่ย่างกับข้าวแขก |
07.50 น. | ออกเดินทางต่อสู่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยเที่ยวบิน EK 185
บินกลางวันก้อดีอย่างงี้อยากทานกาแฟใส่นมก้อเดินไปขอ ทานน้ำมะม่วง น้ำเปล่าอิๆ ทำเลดีใกล้ห้องน้ำและอาหาร |
12.25 น. | ถึงสนามบินสนามบินเอล ปรัต (BCN) เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั๋วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั๋วโมงในวันที่ 31 มีนาคม 2562) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นเดินทางสู่เมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) นครใหญ่แห่งคาตาลันยา และเมืองสำคัญอันดับ 2 ของสเปน นำท่านเข้าชมภายในโบสถ์ซากราดา แฟมิเลีย (La Sagrada Familia) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ของเมือง โดยฝีมือการออกแบบของ อันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1882 แม้กระทั้งจนถึงปัจจุบันก็ยังสร้างไม่แล้วเสร๊จ ถึงกระนั้นองค์การยูเนสโก้ ก็ได้จัดให้เป็นมรดกโลก โดยมหาวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมโดดเด่นแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก นำท่านเข้าชมปาร์ค กูเอล (Parque Guell) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่โชว์ผลงานอันโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของอันตอนี เกาดี สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ ด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมงานกระเบื้องที่เน้นรูปทรงธรรมชาติในสีสันที่ตัดกัน ดูโดดเด่น แปลกตา และเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน |
ที่พัก | เดนิ ทางเขา้ สู่ที่พัก Novotel Barcelona Cornellà
Address: Avinguda del Maresme, 78, Cornellà de Llobregat, Barcelona, Spain
Phone: +34 934 74 70 00
วันนี้ได้เที่ยวครึ่งวันก้อได้หลายที่อยู่น้า อากาศไม่หนาวมากกำลังดีแดดดีมากๆ ถ่ายรูปสวย บาเซสมกับเป็นเมืองแห่งศิลปะจริงๆ มองไปทางไหนก้อสวยงามไปหมด ผลงานของท่านเกาดี้เต็มเมืองเป็นอัศจรรย์ที่คนยุคนั้นจะคิดขึ้นมาได้ เรื่องน่าตื่นเต้นเกิดตอนขากลับจากโบสถ์ซากราดา แม่แวะซื้อพัด ทำให้หลงทางกับคณะทัวร์ ดีที่เห็นพวกทัวร์ต่างๆ เดินกลับไปขึ้นรถเป็นคณะเลยตามเค้าไปใจชื้นหน่อย เจอหัวหน้าทัวร์เดินมาตามพอดีอิๆ คราวนี้เลยไม่กล้าเดินแยก เพราะว่าขาส่งกับขากลับคนละที่กันน้า ผู้คนมาเที่ยวที่สเปนเยอะจริงๆ ทัวร์แถม City tour ให้โดยวนผ่านสิ่งก่อสร้างสำคัญๆ ถนนสายหลัก และแวะให้ถ่ายรูปกับคาซ่ามิลล่า ผลงานชิ้นเอกของท่านเกาดี้ด้วย ทำเวลาแต่ก้อได้รูปสวยกันอิๆ ตอนไปสวนก้อมีดอกไม้สีม่วงสวยให้ถ่ายรูปกันชอบๆ
เข้าที่พัก 2 ทุ่ม โรงแรมตกแต่งสวยดี อาหารเช้าใช้ได้ ห้องพักเตียงสบาย คืนนี้ได้นอนบนเตียงแล้วดีจัง |
|
|
วันที่ 3 | เนินเขา Montjuïc – La Roca Village Outlet – ซาราโกซ่า |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
| นำท่านขึ้นสู่จุดชมวิวของเมืองที่เนินเขา Montjuïc เป็นเนินเขาในบาร์เซโลน่าที่มีทัศนียภาพอันงดงาม ทางด้านตะวันออกของเนินเขายังมีหน้าผาสูงชันซึ่งทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพงเมือง ส่วนด้านบนเป็นที่ตั้งของป้อมปราการหลายแห่ง นำท่านสู่ La Roca Village Outlet เชิญท่านช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำมากมาย อาทิ Armani, Burberry, Calvin Klein, Coach, Escada, Gucci, Guess, Hugo Boss, Kipling, L’Occitane, Levi’s, Lacoste, Loewe, Michael Kors, Nike, Polo, Puma, Ray-Ban, Samsonite, Superdry, Swarovski, Tag Heuer, Tommy Hilfiger, The North Face, Timberland, Tumi, Versace, Zegna ฯลฯ
ที่ยอดเขาเดินไปถ่ายรูปวิวกัน มีคนมาขายของเป็นพัดที่ระลึกเราก้อไม่รอช้าซื้ออีกแล้วค่ะ ไปไหนต้องมีของฝากอิๆ มีหลายลายให้เลือก อากาศดี ดอกไม้สวย
ส่วนที่ outlet นั้นก้อมีที่ถ่ายรูปและร้านอาหารากมาย แม่ลืมมือถือไว้ที่ร้าน ดีที่คนไทยเดินมาเล่าเลยรู้ว่าลืมมือถือไม่งั้นก้อไม่มีมือถือใช้เล่น Net ตลอดทางคงเบื่อแย่ ของหายได้คืนโชคดีไป |
กลางวัน | อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองซาราโกซ่า (Zaragoza) เมืองใหญ่ศูนย์กลางทางการศึกษาและศาสนาของประเทศ และเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างกลางของบาร์เซโลน่า และ แมดริด มีความโดดเด่นมากในเรื่องของลักษณะภูมิประเทศที่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหุบเขา ทะเลทราย ป่าหนาทึบ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง |
ที่พัก | เดินทางเข้าสู่ที่พัก NH Ciudad
Address: Av. de César Augusto, 125, 50003 Zaragoza, Spain
Phone: +34 976 44 21 00
เรามาถึงเมืองนี้เย็นแล้ว เสียดายน่าจะมาให้เร็วกว่านี้หน่อยมีที่ถ่ายรูปมากมายเป็นเมืองสวยมากๆ โรงแรมเราทำเลดี อยู่ใกล้เมืองเก่าเลย มีโบสถ์สวยงามลานกว้างเลย มีน้ำตกสร้างใหม่ด้วย ร้านอาหารก้อดีงามอยู่ในโรงแรมเก่า คุณไกด์ใจดีพาเดินไปซื้อของ Super กันอีก เดินท่ามกลางอากาศหนาวได้ของกันมาพอสมควร ระยะทางไกลพอควรถือว่าเดินออกกำลังกายกัน |
|
|
วันที่ 4 | ซาราโกซ่า – เซอร์โกเบีย – ชมรางส่งน้ำโรมัน - มาดริด |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ลืมเล่าตอนเช้า ออกเดินทางมายังเมืองเซโก้เวีย เดินทาง 5 ชม ระหว่าวทางแวะฉี่ด้วย ห้องน้ำที่สเปนดีมีหลายห้องและไม่เสียเงิน ถึงเมืองเก่าเกือบบ่าย 2 ทานหมูหันกัน เนื้อหมูนิ่มดีมีไวน์แดงให้ทานกัน เราทานไป 2 แก้ว หน้าแดงเลยร้อน เมืองเซโกเวียน่าเที่ยว มีร้านรวง 2 ข้างทาง สังเกตุดูมีฟองน้ำถูตัวขายด้วย ราคาไม่แพงมาก เสื้อผ้า เครื่องหนังของสเปนก้อมีขาย เสียดายมีเวลาน้อยเลยไม่ได้ซื้อไรมากนัก แต่วิวรางส่งน้ำก้อสวย มองมุมไหนก้อสวยไปหมด |
| นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน องค์การ UNESCO ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1985 ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนแต่อย่างใด จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซอโกเบีย และเป็นไฮไลท์หลักของเมือง นำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง
ถ่ายรูปที่พลาซ่ามาร์ยอประจำกลางเมือง สวยงามมากๆ
ก่อนกลับเดินผ่านรูปหมาป่าให้นมเด็ก 2 คนเป็นตำนาน ของกษัตริย? 2 คนที่ปกครองเมือง ว่ากันว่าเป็นลูกเทพเจ้า |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (หมูหันสเปน) |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป นำท่านเที่ยวชมกรุงแมดริด ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่มากมาย ทั้งอนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (The Cibeles Fountain) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสรัสซิเบเลส (Plaza de Cibeles) ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงมาดริด โดยบริเวณนี้ มีอาคารสวยงามและสำคัญ ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมได้แก่ ธนาคารแห่งชาติสเปน,กองบัญชาการทหารบก,ที่ทำการใหญ่ไปรษณีย์ ประตูชัยอาคาล่า และศูนย์วัฒนธรรมทวีปอเมริกาโดยประตูชัยอาคาล่า มาดริด (Splendid puerta de alcala) สร้างขึ้นในปี 1599 ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตั้งตระหง่านทางตะวันออกของใจกลางเมือง ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza de espana) เพื่อแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ (Donquixote) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน |
ที่พัก | เดินทางเข้าสู่ที่พัก Paseo de la R. Cristina, 7, 28014 Madrid, Spain
Phone: +34 915 52 69 00
เย็นนี้ทานอาหารจีนแต่ว่ายังไม่หิว เพราะพึ่งทานกลางวันตอนบ่าย 3 เริ่มที่ซุปเสฉวนออก้เปรี้ยว ลูกชิ้นเปรี้ยวหวานืปลาชุบแป้งทอด น้ำพริกปลาดุก หมูผัดเต้าซี่ ผัดผักกะหล่ำปลี
อิ่มกันแล้วเดินทางเข้า รร ที่พักที่แมดดริด คืนนี้เราพัก รร นี้ 2 คืน เวลา 1 ทุ่มกว่า
คืนนี้ไกด์มาไปเดินเที่ยว night life ของแมดดริด แม่ไม่ค่อยสบายเลยไปคนเดียว นั่งรถเมล์กันไปพวกเราก้อเฮโลกันไปดีงามอิๆ มุมมองกลางคืนสวยงามอีกแบบ แล้วไปกินขนมชูโรส ปาท่องโก๋สเปนกัน ร้านดังยิ่งดึกคนยังมาทานแปลกจัง แล้วก้อกลับโรงแรมด้วยรถบัสเบอร์เดิม ถึง 4 ทุ่มได้ |
|
|
วันที่ 5 | พระราชวังหลวง – พลาซ่ามายอร์ – โชว์ระบำฟลามินโก้ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
| นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ (หากไม่สามารถเข้าชมพระราชวังหลวงมาดริดได้ เนืองจากมีพระราชพิธีภายในหรือตั๋วเต็ม ทางบริษัทขอนำท่านชม Royal Palace of Aranjuez เป็นการทดแทน) จากนั้นนำท่านชมอุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารไทย |
บ่าย | นำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงมาดริด อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
คนมาเที่ยวเยอะมากๆ เลยมีร้านขายของมากมายแม่ชอบเลย เรามาได้ซื้อเสื้อจนจะหมดเวลาพอดีได้มาคนละ 2 ตัว มาเดือนนี้ดีได้ถ่ายรูปกับดอกไม้เยอะ ชอบถนนคนเดินที่นี่สายดอกไม้ ไม่แน่ใจว่าใช่ดอกซากุระขาวหรือเปล่า แต่ดูแล้วสวยงามมีความสุข เดินท่ามกลางกลีบดอกไม้ปลิวมาครั้งคราว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (ข้าวผัดสเปน)
พร้อมพร้อมชมโชว์ ระบำ ฟลามิงโก ศิลปะระบำสเปน หนึ่งในการแสดงที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลกทั้งท่วงท่าการร่ายรำประกอบเสียงดนตรีที่เร้าใจสนุกสนาน สงสัยคนเต้นต้องเปลี่ยนรองเท้าบ่อยแน่ๆ เลย เพราะว่ากระแทกเสียงดังมาก ห้องอาหารตกแต่งสไตล์อหร่านเลยสวยงามมากๆ แบบเปอร์เซียสิถึงจะถูก ได้ทานไวน์แบบต่างๆ ด้วย ที่นี่ไวน์ถูกมาก
นึกแล้วก้อขำ น้องที่คณะทัวร์หิ้วไวน์ขวดละ 100 กฃับไทย พ่อบอกว่ามีแต่เค้าหิ้วขวดละแสนกลับ |
ที่พัก | เดินทางเข้าสู่ที่พัก Agumar
Address: Paseo de la R. Cristina, 7, 28014 Madrid, Spain
Phone: +34 915 52 69 00 |
|
|
วันที่ 6 | มาดริด – โทเลโด – เข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด - กอร์โดบา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
| นำท่านเดินทางสู่เมืองโทเลโด (Toledo) เมืองหลวงเก่าของสเปน เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีทัศนีภาพที่สวยงาม โดยมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง ลักษณะผังเมืองโทเลโดเป็นเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชมที่สุดของการจัดสร้างเมืองโบราณอันสมบูรณ์แบบตัวเมืองรายล้อมด้วยเนินเขาประดุจกำแพงธรรมชาติด้วยหุบผา 3 แห่ง จากนั้นนำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน
ตอนที่รถเดินทางมาถึงเมืองโทเลโดแต่ไกลๆ รู้สึกมหัศจรรย์มาก เมืองไรช่างสวยงามทุกซอกทุกมุมไรงี้ ดีใจที่ได้เข้าชมวิหาร สวยงามใหญ่โตมากๆ มีทองอีก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองกอร์โดบา(Cordoba) เมืองที่สวยงามในแบบมูเดก้าและเป็นเมืองทีเจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคที่มัวร์ปกครอง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
มาถึงเย็นแต่พอมีเวลาได้เดินข้ามสะพานถ่ายรูปกับวิวแม่น้ำงามๆ เสียดายอีกนิดก้อจะข้ามไปอีกฝั่งแล้วเชียว ร้านอาหารอร่อยตกแต่งดีงาม |
ที่พัก | เดินทางเข้าสู่ที่พัก Ayre Córdoba
Address: Calle Poeta Alonso de Bonilla, 3, 14012 Córdoba, Spain
Phone: +34 957 76 74 76 |
|
|
วันที่ 7 | กอร์โดบา – เซบีย่า – ฟารู |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
| นำท่านเดินทางสู่เมืองเซบีย่า (Seville) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของสเปน ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza De Espana) ที่สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1982 เป็นกลุ่มอาคารรูปครึ่งวงกลมซึ่งรวมความเป็นสถาปัตยกรรมแบบสเปนที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาวสวยงามยิ่งนัก แต่ละซุ้มโค้งประตูมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามรอบบริเวณ นำท่านถ่ายรูปกับหอคอยฆีรัลดา (Giralda Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม จากนั้นนำท่านชมภายนอกและถ่ายรูปมหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า (Seville Cathedral) เริ่มสร้างใน ค.ศ.1042 และสร้างเสร็จ ค.ศ.1519 ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของสุสานคริสโตเฟอร์โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ เป็นหีบศพหินอ่อนที่ตั้งอยู่บนบ่่าของรูปสลักชายหนุ่ม 4 คน ซึ่งเป็นผู้แทนของ ราชอาณาจักรของกษัตริย์คาธอลิคทั้ง 2 พระองค์อันได้แก่คัสตีล เลออน อาราก็อน และนาวาร์เร
เมืองนี้ก้อสวยงามอีกเมือง ชอบจตุรัสครึ่งวงกลมที่สุดมองไปมุมไหนก้อสวย แม้อากาศร้อน ที่สำคัญยังได้ซื้อพัดอีกแล้วค่ะ พัดเมืองนี้ลายสวยกว่าทุกเมืองที่ไปมาหวานๆ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางต่อไปยังเมืองฟารู (Faro) เมืองท่าที่สำคัญของโปรตุเกสโดยเมืองนี้เป็นเขตที่อยู่ทาง ใต้สุดของโปรตุเกส มีความสำคัญเพราะเป็นเมืองท่าที่ติดกับสเปน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
เมืองนี้ชอบหินที่ปูพื้นสวยงามมากๆ วิวสวยติดทะเล มีเวลาครึ่ง ชม ก้อยังได้ shop กันอีก ซื้อถุงเท้าฝากพ่อคู่ละ 1 EUR จัดไปค่ะ อากาศดีงามทำท่าจะมีฝนแต่ไม่ตก |
ที่พัก | เดินทางเข้าสู่ที่พัก Hotel Faro
Address: Praça D. Francisco Gomes, Nº 2, 8000 -168 Faro, Portugal
Phone: +351-289-830830 |
|
|
วันที่ 8 | ฟารู – ซาเกรส – แหลมวินเซนท์ – ลากอส |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
| นำท่านเดินทางสู่ซาเกรส (Sagres) นำท่านชมแหลมเซนท์วินเซนท์ (Cape St.Vincent) แหลมที่ตั้งอยู่สุดขอบตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโปรตุเกส ที่ว่ากันว่าเปรียบเสมือนสุดขอบเขตของโลก เพราะเป็นที่ๆ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงของโลกได้ออกเดินทางไปค้นหาโลกใหม่และเป็นจุดที่พระอาทิตย์ตกดินหายลับไปกับท้องมหาสมุทร นำท่านเดินทางสู่ลากอส (Lagos) เป็นเมืองริมทะเลบที่อุดมไปด้วยชายหาดงดงามทอดยาวอยู่ข้างทาง โดยเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในแคว้นแอลการ์และเคยเกิดแผ่นดินไหวเสียหายหนักในปี 1755
ลมแรงมากๆ ขอบอก ยังกะตัวจะปลิวไป สมัยก่อนเค้าออกเรือได้ไงอ่ะ หรือมันจะทะเลเงียบสงบกว่านี้ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เอโวล่า (Evora) เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก เมืองนี้ยังคงได้รับการดูแลรักษาร่องรอยของสถาปัตยกรรม ที่มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน ชมวัดโรมันแห่งเอโวร่า (Roman Temple) วัดซึ่งมีเอกลักษณ์ของโรมันแสดงถึงศักยานุภาพของอาณาจักรโรมันในอดีตที่ได้แผ่ขยายมาถึงโปรตุเกส นำท่านเดินทางสู่จัตุรัสกิรัลโด (Giraldo Square) ศูนย์กลางสำคัญของเมือง และเป็นที่ตั้งของลานน้ำพุที่สร้างแบบศิลปะยุคเรอเนสซองอิสระให้ท่านเดินเล่นและถ่ายภาพความประทับใจและเลือกซื้อสินค้าตาอัธยาศัย หลังจากนั้นได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางต่อไปยังกรุงลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงประเทศโปรตุเกส นครเก่าแก่นครหนึ่งในยุโรป ทั้ง ยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลาง ทางการเมือง การค้า อุตสาหกรรม พร้อมทั้งยังเป็นอุทยานนครที่เขียวชอุ่มร่มรื่น
เมืองนี้เดินเล่นแบบสบายๆ มีของขายน่าซื้ออีกเช่นกัน เราได้กระเป๋าไม้ก๊อก เสื้อลูกไม้ และผ้าพันคอสีแดง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน |
ที่พัก | เดินทางเข้าสู่ที่พัก VIP Grand Lisboa
Address: Avenida 5 de Outubro 197, 1050-054 Lisboa, Portugal
Phone: +351 21 043 5000 |
|
|
วันที่ 9 | ลิสบอน – แหลมโรค่า – ซินทรา – ลิสบอน – เข้าชมมหาวิหารเจอโร นิโม - สนามบิน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
โปรตุเกสมีแต่สวนส้ม ถนนดีไม่ค่อยมีรถ รถไปจันยังมากเสียกว่า ประเทศเค้าทำสวนทำไร่ คนยังยากจน แต่ก้อรู้สึกว่าพัฒนาดีกว่าไทย
ขากลับบินโบอิ้ง 777 ทั้ง 2 ช่วงเลย ไม่ชอบเลยมันแคบ ที่นั่งของ emirate ทำที่นั่งแถวละ 10 ที่ แต่ของ TG ทำ 7 ที่
Download coentry of the bird เพลงบรรเลงเสียงนก กลางวันกินอาหารพื้นเมือง เมนูซุปมะกะโรนีปลา เป็ดย่างกับข้าว มีสลัดและส้ม ขนมหวานเป็นคาราเมลคัสตาด อร่อยจิง มื้อนี้แม่ทานได้
วันนี้นั่งรถทั้งวัน ช่วงเช้าแวะถ่ายรูปที่แหลมยื่นในทะเล ลมแรงมากๆ ช่วงบ่ายถ่ายที่เมืองโรมันเก่า
ระหว่างทางมีแวะเข้าห้องน้ำตลอดทางสะดวกดี ที่พักจะมีขายขนมและของที่ระลึก
เค้าว่าโปรตุเกตค่าครองชีพถูก คนจึงนิยมมาเที่ยว ถ้าเทียบกับสเปนราคาเท่ากันมาพักที่นี่ได้ รร 5 ดาวเชียว |
| นำท่านเดินทางชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งท่านสามารถซื้อใบประกาศนียบัตร (Certificate) เป็นที่ระลึกในการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นเดินทางสู่เมืองซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอนประเทศโปรตุเกส
เมืองนี้น่ารักมากเดินขึ้นลงเขามีร้านรวงขายของตกแต่งสวยงาม อากาศดีดอกไม้สวย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ชิมทาร์ตไข่โปรตุเกส) |
บ่าย | ได้เวลาอันสมควรนำท่านกลับกรุงลิสบอนนำท่านเข้าชมมหาวิหารเจอโร นิโม (Jeronimos Monastry) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโกดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ว่าให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage)
มีเวลาเดินถ่ายรูปตามจุดสำคัญต่างๆ โชคดีที่ทัวร์นี้พาเข้าวิหาร ทัวร์อื่นๆ ไม่ค่อยพาเข้าน้า นับว่ามาเที่ยวคราวนี้ตัดสินใจไม่ผิด ประทับใจทุกที่เลย |
| นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงลิสบอน |
20.45 น. | ออกเดินทางสู่ดูไบด้วยเที่ยวบิน EK 194
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 21.15 น. และถึงดูไบ เวลา 08.05 น.*** |
|
|
วันที่ 10 | ดูไบ - กรุงเทพฯ |
08.15 น. | เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง |
11.45 น. | ออกเดินทางสู่กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน EK 370
|
20.50 น. | ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ |
|
|
ความคิดเห็น