SAP Forum Thailand

SAP Forum Thailand




สวัสดีค่ะ ได้มางาน SAP Forum Thailand เมื่อวันที่ 16 สค 55 ที่ Centara Grand & Bangkok Convention Centre งานนี้เค้าจัดยิ่งใหญ่ เพราะเป็นงานประจำปีของบริษัท SAP จึงมีผู้เข้าร่วมงานถึงพันคนเลยทีเดียว

ทำไมถึงได้รับเชิญจาก SAP นะเหรอ เพราะว่า ธปท. ของเราใช้ผลิตภัณฑ์ของ SAP หลายตัวอยู่ เช่น ERP ,BusinessObjects (BO)

ดิฉันมาถึงงานแต่ก่อน 8 โมง พอ 8.15 แป๊ะเจ้าหน้าที่ก็เปิดให้ลงทะเบียน ได้รับถุงเอกสารและ Passport เล่มเล็กที่มี Agendar และสำหรับเล่นเกม โดยครึ่งวันเช้าผู้เข้าสัมมนาจะอยู่ด้วยกันที่ห้อง main ก่อน ส่วนช่วงบ่ายก็กระจายกันไปยัง Track ที่สนใจ แบ่งออกเป็น 5 Tracks ดังนี้

Track 1 : Best Run Business

Track 2 : Innovation & Technology

Track 3 : Business Innovation

Track 4 : Services Excellence

Track 5 : Product Roadmap

ดิฉันเลือกฟัง Track 1 : Best Run Business เพราะอยากดูภาพรวมของเทคโนโลยีของบริษัท SAP ว่าในปีนี้มีอะไรใหม่เด่นๆ บ้างๆ ฟังที 3 หัวข้อจึงมี Break พักให้เข้าห้องน้ำบ้าง นอกจากนั้นยังได้พบพี่ๆ น้องๆ จาก ฝทส. และฝทบ. ที่เข้ามาร่วมงานกันหลายคนซึ่งกระจายกันฟัง Track ที่ตัวเองสนใจ วิทยากรส่วนใหญ่มาจากมาเลย์เซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นมืออาชีพมาก

ขอเล่ารายละเอียดถึงช่วงเช้าโดยการจำลองห้องส่งผู้ประกาศข่าว โดยพิธีกรสุดหล่อคุณชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์ จากช่องเก้า ดำเนินรายการ เชิญคุณ Thomas Conrad Zack ,Managing Director SAP Thailand กล่าวเปิดงานโดย ซึ่งท่านก็เล่าถึงประวัติบริษัท SAP เทคโนโลยีจนถึงปัจจุบันล่าสุดว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง โดยท่านได้เตรียมอุปกรณ์มาแสดงเช่น เครื่องคิดเลข Finance รุ่น 30 ปีที่แล้วซึ่งท่านก็ยังใช้งานได้อยู่นะ แค่นำไปเปลี่ยนถ่าน ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าวิธีคำนวณบัญชีสมัยก่อนกับปัจจุบันมีความแตกต่างอย่างมากและสะดวกสบายเพียงใด นอกจากนั้นท่านยังได้บอกอีกว่ามีผู้ใช้งาน SAP ทั่วโลกถึง 70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ SME ทำให้เราได้ลองคิดดูว่าธุรกิจ SME ที่ใช้บริการของ SAP นี่คงจะก้าวหน้าและมีโอกาสทางธุรกิจเหนือกว่าคู่แข่งที่ไม่มีมีระบบคอมพิวเตอร์ที่ดีอย่างไร

Innovation in 5 Categories Powered by SAP HANA

1. Mobile -> Smart Phone

2. Analytics

3. Applications

4. Data & Technology

5. Cloud



ช่วงต่อมาได้ฟัง ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร มาให้สัมภาษณ์ในหัวข้อ “Thought Leadership – A Better Run Thailand – The Time for Thailand is NOW” ซึ่งท่านก็ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของนักธุรกิจไทยต่อ AEC เทคโนโลยีมีส่วนช่วยธุรกิจได้เยอะ คล่องตัว พูดถึงเศรษฐกิจโดยรวม ควรต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ให้มากขึ้น

ช่วงสุดท้ายก่อน Break รับฟังลูกค้ารายใหญ่ของ SAP คือ ดร.ไพลิน ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน ) และคุณจันทิมา สิริแสงทักษิณ. ตำแหน่งปัจจุบัน : ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร กรมสรรพากร ซึ่งทั้ง 2 องค์กรได้นำระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยปรับปรุงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากมุมมองของ ดร . ไพลิน ท่านเห็นว่าภาครัฐเองมีความทันสมัยมากขึ้น จากการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้งาน เช่น ธุรกิจส่งออก หรือ ภาษี ทำให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว และทำให้มองว่าภาคเอกชนบางส่วนยังล้าหลังในการนำเทคโนโลยีมาใช้งานทำให้ตามคู่แข่งนอกประเทศไม่ทัน อย่างธุรกิจฝ่ายขายของ ปตท. ต้องติดต่อลูกค้าตลอด 24 ชม. Real – Time ได้มิเช่นนั้นก็อาจสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ไปได้ ท่านยังบอกอีกว่าขณะนี้ท่านได้พัฒนาระบบ Feedback Control รู้ผลประกอบการก่อนสิ้นเดือน จึงคำนวณได้ว่าขาดทุนอย่างไร ทำให้ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่สามารถดูผลประกอบการ กำไรของบริษัทได้ทุกวัน ซึ่งระบบงานของท่านสามารถตามจุดบกพร่องได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้แก้ไขสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันกาล

ในส่วนของกรมสรรพากรเองคุณจันทิมา (ท่านเกิดปี 2493 นะคะ และเป็น Programmer ตัวแม่ ท่านเก่งมาก) ท่านได้มองไปไกลถึงระบบการคืนเงินภาษี ซึ่งทางธนาคารยังไม่มีระบบรองรับงานที่ท่านอยากได้แบบ Real time ท่านยังแอบพูดว่าในอนาคตอาจจะเห็นกรมสัมภากรลุกขึ้นมาพัฒนาระบบนี้แทนธนาคารก็เป็นได้ซึ่งท่านมองว่าเทคโนโลยีทำได้แล้ว ซึ่งดิฉันก็ภูมิใจแทนท่านจริงๆ ค่ะ ที่ประเทศไทยมีระบบการเสียภาษีที่ทันสมัยไม่น้อยหน้าใครในโลก อ้อ ท่านยังบอกว่าปัจจุบันนี้ท่านมีระบบที่สามารถประมาณการจัดเก็บภาษีในแต่ละเดือนได้แล้วนะคะ ทำให้ Target ล่วงหน้าแต่ละเดือนว่าจะเก็บเท่าไร รู้แล้วหนาวแทนผู้ที่ต้องเสียภาษีจริงๆ

คุณจันทิมาฝากว่า ERP หรือระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆจะสำเร็จได้จาก

1. ผู้บริหารต้องให้การสนับสนุน

2. User ,Business Process และ Solution ที่ชัดเจน

3. Implementation

ในระยะเวลาที่คุณจันทิมา ดำรงตำแหน่ง ได้นำแนวคิดการปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาระบบงานภาษีสรรพากรทุกประเภท ด้วยการริเริ่มนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในระบบงานของกรมสรรพากร โดยได้ริเริ่มนำ Web Base Technology มาใช้กับกรมสรรพากรเป็นครั้งแรก โดยเปิดเว็บไซต์ชื่อ www.rd.go.th ในขณะเดียวกันการพัฒนา e-Commerce ของโลกปัจจุบัน ทำให้ผู้ขอประเมินเห็นความจำเป็นที่กรมสรรพากรจะต้องพัฒนาระบบงานมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการเสนอโครงการยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบ (e-Filling and e-Payment) ให้กรมสรรพากร ซึ่งทำให้กรมสรรพากรเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีการใช้ระบบสรรพากรอิเล็กทรอนิกส์ (e-Revenue) ในการให้บริการผู้เสียภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวทางการพัฒนานำ Web Base Technology มาใช้ในการพัฒนาระบบงานได้ถูกนำไปใช้เป็นมาตรฐานในการพัฒนาระบบงานของกรมสรรพากรในทุกระบบงานบนระบบอินเทอร์เน็ต และระบบอินทราเน็ตของกรมสรรพากรในปัจจุบัน และได้มีการวางแผนการดำเนินงานการพัฒนาระบบงานภายใต้ Web Base Technology ตาม Road Map ของกรมสรรพากรในปีพ.ศ. 2548-2552 ไว้จำนวน 24 โครงการ และวางรากฐานการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อนำไปสู่ความเป็นระบบสรรพากรอิเล็กทรอนิกส์ (e-Revenue)

จบงานเกือบ 6 โมง ได้รับความรู้กลับไปมากมาย

The way we do business : Marketing

Past Marketing 1.0 Present Marketing 2.0 Future Marketing 3.0

Mind Heart Spirit

Product-center Customer-Oriented Value-Driven

Economic-Value People-Value Environment-Value

Profits Social Progress Sustainability





ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม