Greatest Croatia 9 วัน 6 คืนกับแม่

Greatest Croatia
9 วัน 6 คืน
โดยสายการบนิ เอมเิ รตส ์ (EK) 53,900  กับ QE Tour

วันที่ 6-14 มิ. ย. 61
พาแม่ไปเที่ยว

บันทึกความทรงจำ

แผนที่ประเทศโครเอเซีย ให้เข้าใจและนึกภาพออกครับ เป็นรูปคล้ายเกือกม้า หรือ พระจันทร์เสี้ยว

ตอนนั่งรถทัวร 4 ชม ก้อหลับๆ ตื่น ดูวิวบ้างไม่ได้ดูบ้าง ส่วนใหญ่เป็นป่าสน ป่าไม้ๆเค้าหนาแน่นมากๆ ดูแล้วเย็นสบาย
กลางวันนี้ทานหมูที่อุทยานพลิวิทเซ่ เป็นน้ำตกมรดกโลก
ขนมหวานคือโดนัททอดแบบ ตปท.คล้ายกล้วยหอมทอด
แต่คิดว่าแบบปาท่องโก๋มากกว่า ^^

วันนี้ทัวรเราเกิดเหตุมีลูกทัวรท่านหนึ่งโดนล้วงกระเป๋าหยิบพาสปอตไปได้ ทำให้ไกด์ต้องไปแจ้งความและหาทางออกพาสปอตเล่มใหม่ให้ลูกค้าคนนั้น

พวกเราเห็นดังนั้นจึงจัดกระเป๋าตังใหม่ เอาของสำคัญไว้ก้นกระเป๋า ของหยิบง่ายไว้ข้างบน เพื่อป้องกันเหตุการณ์

แสดงว่าเดี๋ยวนี้ทุกที่มีขโมยหมดเราต้องระมัดระวังให้มาก
เย็นนี้พักที่เมืองซาดาร์ เมืองติดทะเล อาหารเย็นมีซุปปลา พาสต้าปลาหมึกดำ หมึกนิ่มดีอร่อยมาก
เดินเล่นชายทะเล มี sea organ

วันนี้ล่องขึ้นเหนือมุ่งหน้าสู่เมืองโทรเกีย นั่งรถนานหน่อย ออกจากที่พัก 8 โมง ไปจอดที่ร้านอาหารตอนเที่ยงเลย
กลางวันที่เมืองโทรเกียเมนูหมูย่างทานกับน้ำจิ้มแจ่วและน้ำพริกกุ้งฟู ซุปมะเขือเทศ ตบท้ายด้วยไอติม 2 ลูกเล็ก สีชมพูกะช็อค
เมืองนี้เมืองเล็กติดชายทะเลก้อสวยไปอีกแบบมีด้านหน้าโบสถ์ที่สวย แอบยืนถ่ายรูปด้านหน้าเพราะถ้าเข้าจะเสียตัง ประกอบกับมีเวลาน้อยต้องวิ่งไปอีกเมือง

10 โมงถึงเมือง sprit บางทีนึกถึงชื่อหมา แต่ว่าเมืองนี้คือเมืองที่เจ้าเมืองชื่อดิโอคลีเชียน ปกครองแบบกระจายอำนาจ

ประทับใจตรงเดินอยู่ตรง square แล้วเค้าจัดการแสดงใส่ชุดทหารโรมัน และมีจักรพรรดิ กะราชินีออกมา สมมุติพบปะประชาชน
ที่เมืองนี้แดดแรงดีมาก ถ่ายรูปออกมาสวย เป็นเมืองท่าที่มีนักท่องเที่ยวมากมาย เรือยอช เรือสำราญเดินทะเล
กลางวันวันนี้ทัวร์ไม่มีอาหารให้ ต้องซื้อกินเองเราสองแม่ลูกทีแรกตั้งใจจะกินร้านอาหารดีๆ แต่พอเดินดูแล้ว ไม่มีร้านที่น่าทานถูกใจ
เลยไปซื้อเชอรรี่มา 1 กก ราคา 100 บาท ถูกแสนถูก และลูกพีชแสนหอมแม่ชอบมากซื้อมาทาน
ผลไม้ที่นี่ราคาไม่แพงและสด

ลืมเล่าว่าตอนจะไปเมืองดูบรอฟนิกจะผ่านด่านทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งจะมีการตรวจพาสปอรตกันด้วย เพราะผ่านพรมแดนบอสเนีย ก้อแวะซื้อขนมเล็กน้อยที่ร้านซุปเปอร์
วิวข้างทางจะเป็นถนนเลียบชายทะเล ภูเขา น้ำทะเลออกสีเขียวครามสวยมาก ขนาดแม่น้ำยังสะอาดเลย
อากาศวันนี้ร้อนดร ถ่ายรูปแจ่มค่ะ

กินหอยนางรมคนละ 2 ตัวและหอยแมลงภู่ 1 ตัวพร้อมไวน์ อร่อยดีค่ แต่ต้องมีน้ำจิ้มซีฟู้ด

อาหารเย็นเป็นปลากระพง อร่อยดี เริ่มด้วยซุปปลาเช่นเคย ขนมเป็นไปติมอร่อยดีค่ะ

Dubrovnik

ห้องนอนที่นี่ใช้ 2 คืนค่ะ หรูหราดีงามมากๆ จ้า ^^  แม่ได้แช่อ่างอาบน้ำด้วย

เช้านี้ประทับใจกับที่ รร ที่พักมากวิวสวย บรรยากาศดีงาม สมกับได้มานอน 2 คืนค่ะ

วันนี้จะอยู่เมืองดูบรอฟนิกทั้งวันค่ะ หวังว่าแดดจะดีทั้งวันให้ถ่ายรูป
ตัดสินใจนั่งเรือชมวิวเมืองจากทางทะเลก้อสวยดี หลังจากนั้นก้อเดินเล่นถ่ายรูป นั่งชมโบสถ์ฟรี

พอบ่าย 4 โมงฝนดันตกลงมาเลยหาที่หลบฝน ดีที่ตกไม่หนักแวะพักนั่งกินเชอรรี่ที่ซื้อมา วันนี้เริ่มหวานอร่อยดีมีกิจกรรมไม่เบื่อ
เมืองนี้จิงๆ ก้อเล็กนิดเดียวเดินทั่วหมดใช้เวลาไม่นาน แถมร้านค้าก้อมีแต่ร้านอาหาร ขายของเล็กๆ น้อยๆ

#######################

ชมความอลังการของธรรมชาติทอีุ่ทยานพลติ วเิ ซ่ (Plitvice National Park)
 เทยี่ วซาดาร ์ (Zadar) เมอื งสปลิท (Split) เมอื งสตอน (Ston) เมอื งโทรเกียร ์ (Trogir)
เมอื งซเิ บนคิ (Sibenik) เมืองชายทะเลทงี่ ดงามดว้ ยธรรมชาติและสถาปัตยกรรม
 เดินเล่นทเี่ มอื งดูบลอฟนกิ (Dubrovnik) เมืองมรดกโลกทไี่ ดรั้บสมญานามว่า ไข่มุกแห่งทะเล
เอเดรียติก
 พกั ดูบลอฟนกิ 2 คนื
 นงั่ กระเช้า สู่ SRD HILL จุดชมววิ ทสี่ วยทสีุ่ดของเมอื งดูบรอฟนคิ เทยี่ วซาเกรบ (Zagreb)
เมืองหลวงของโครเอเชีย

รายละเอียดการเดินทาง
วัน โปรแกรมการเดินทาง เช้า เที่ยง ค่ำ

1 กรุงเทพฯ – ดูไบ ✈ ✈ ✈
2 ดูไบ – โครเอเชีย – โอพาเทีย ✈ ✈โรงแรม Remisens hotel
Ul. Maršala Tita 198, 51410 Opatija
3 โอพาเทีย – อุทยานแห่งชาตพิ รติ วิเซ่ – ซาดาร์ O O O KOLOVARE
4 ซาดาร์ – สปลิท – พระราชวังดโิ อคลีเธยี่ น – สตอน – ดูบรอฟนิค โรงแรม Valamar Argosy Hotel
Ul. Iva Dulčića 140, 20000, Dubrovnik, Croatia
5 ดูบรอฟนิค – นั่งกระเช้า จุดชมวิว – เขตเมืองเก่า โรงแรม Valamar Argosy Hotel
Ul. Iva Dulčića 140, 20000, Dubrovnik, Croatia
6 ดูบรอฟนิค – โทรเกียร์ – ซเิบนิค O O O โรงแรม PUNTA
GRGURA NINSLOG 1, 22211 , VODICE, CROATIA
7 ซเิ บนิค – ซาเกรบ – ตลาดกลางเมือง O O X PHOENIX
8 ซาเกรบ – สนามบิน O ✈ ✈
9 ดูไบ – กรุงเทพฯ ✈ ✈ ✈


วันที่ 1กรุงเทพฯ – ดูไบ
22.30 น.คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 8 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2ดูไบ – โครเอเชีย – โอพาเทีย
01.35 น.ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 385
04.45 น.เดินทางถึงสนามบินดูไบเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
08.30 น.ออกเดินทางต่อสู่กรุงซาเกรบ โดยเที่ยวบินที่ EK129
12.35 น.ถึงสนามบินกรุงซาเกรบ (Zagreb) ประเทศโครเอเชีย(Croatia) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั่วโมงในวันที่ 28 ตุลาคม 2561) นําท่านออกเดินทางสู่แคว้นอิสเตรีย (Istria) ชมเมืองโอพาเทีย (Opatija) เป็นเมืองท่องเที่ยวตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกริมทะเลอาเดรียติก มีบ้านพักตากอากาศสไตลืออสเตรียที่เรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง นําท่านเที่ยวชมเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เส่นห์ของบ้านพักริมชายฝั่ง แวะถ่ายรูปกับรูปปั้นหญิงสาวกับนกนางนวล (Maiden with the Seagull) เป็นรูปปั้นหญิงสาวที่งดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
นำคณะเข้าสู่ที่พัก โรงแรม Remisens hotel
Ul. Maršala Tita 198, 51410 Opatija
วันที่ 3โอพาเทีย – อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่ – เมืองซาดาร์
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่ (Plitvice National Park) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ อุทยานนี้มีพื้นที่ประมาณ 29,482 เฮคเตอร์ หรือประมาณ 295 ตารางกิโลเมตร โดย 223 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ป่าและพื้นน้ำครอบคลุมประมาณ 2.17 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่งที่มีความงดงามแตกต่างกัน นำท่านเข้าชมความงามของอุทยานLower Lakeโดยล่องเรือข้ามทะเลสาบJezero Kozjak***ในกรณีที่ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งจนไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทคืนเงินท่านละ 5ยูโร*** ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนล่างขึ้นสู่ทะเลสาบชั้นบนของอุทยาน เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและความอลังการของ Lower Lake ที่ประกอบด้วยทะเลสาบ Milanovac, Gavanovac และ Kaluderovac เป็นต้น นำท่านเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน ชมVeliki Slipชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานมีความสูงถึง 70 เมตร
เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (หมูหัน)
บ่ายนำท่านเดินทางสู่เมืองซาดาร์ (Zadar) เมืองที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 3,000 ปีมาแล้ว และเป็นเมืองท่าสำคัญซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดใหญ่ของทะเล เอเดรียติค ที่มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยโรมันจนถึงปัจจุบัน นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์สำคัญประจำเมืองโบสถ์อนาสตาเชีย (The Cathedral of St. Anastasia) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 5-6 ในยุคโรมาเนสก์ เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นดัลมัลเชีย นำท่านชมบริเวณด้านนอกโบสถ์เซนต์ โดแนท ซึ่งเป็นโบสถ์สำคัญประจำเมืองอีกแห่งหนี่ง ชมโรมันฟอรัมหรือย่านชุมชนของโรมันเมื่อสองพันปีก่อนที่นักโบราณคดีได้ใช้ความอุตสาหะในการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งที่อยู่อาศัยชาวโรมัน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม PINIJIA หรือเทียบเท่า
วันที่ 4ซาดาร์ – สปลิท – พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน – สตอน – ดูบรอฟนิค
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองสปลิท (Split) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากซาเกรบ ซึ่งอยู่ในแคว้นดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง เที่ยวชมเมืองสปริท ที่สร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน ประกอบด้วย ศาลาว่าการเมืองสไตล์เรอเนซองส์ สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ต่างๆ นำท่านชมย่าน People Square ศูนย์กลางทางธุรกิจและ         การบริหาร นำท่านชมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้อง    การสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ หลังจากสละบัลลังก์ ภายในพระราชวังประกอบด้วยวิหารจูปิเตอร์ (Catacombes) สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียง และวิหารต่างๆ นำท่านชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลาน Peristyle ซึ่งล้อมด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตร สวยงามชมยอดระฆังแห่งวิหาร (The Cathedral Belfry) แท่นบูชาของเซนต์โดมินัส และเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร 
เที่ยงอิสระอาหารกลางวัน
บ่ายนำท่านเดินทางสู่เมืองสตอน (Ston) เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลรสเลิศ และมีฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมที่มีชื่อเสียง โดยท่านจะได้ชิมหอยนางรมสดๆจากฟาร์มพร้อมจิบไวน์ชั้นดี ซึ่งเมืองสตอนเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนตัวแทนของประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมยุคกลางคือกำแพงเมืองโบราณ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบเมือง โดยกำแพงโบราณแห่งนี้ใช้เวลาในการก่อสร้างกำแพงนี้ประมาณ 200 ปี มีความยาวมากกว่า 5.5 กิโลเมตร แม้ว่าในอดีตนั้นตัวกำแพงเคยถูกระเบิดในสงครามปี ค.ศ. 1991 และแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1996 แต่ก็สามารถคงอยู่มาจนได้ถึงทุกวันนี้ 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (หอยนางรม)
นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลกดูบรอฟนิค (Dubrovnik) โดยเดินทางเรียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เดินผ่านบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสดสลับตามแนวชายฝั่ง โดยเมืองดูบรอฟนิคได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก เป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า จึงได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้โดดเด่น ด้วยการตกแต่งพระราชวัง สร้างโบสถ์ วิหาร จัตุรัส น้ำพุ และบ้านเรือนต่างๆ และได้รับการบูรณะและปรับเปลี่ยนอย่างงดงามตามยุคสมัย
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม DUBROVNIK ADRIA  หรือเทียบเท่า
วันที่ 5ดูบรอฟนิค – นั่งกระเช้าจุดชมวิว – เขตเมืองเก่า
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนั่งกระเช้า สู่ SRD HILL จุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองดูบรอฟนิค ท่านจะได้ถ่ายรูปเมืองเก่าดูบรอฟนิคจากมุมสูง ภูมิทัศน์ที่รายล้อมด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสดุจราวแสงสะท้อนของคริสตอลโอบล้อมเมืองเก่าไว้ ด้วยความสวยงามของบ้านเรือนสีขาว มุงด้วยหลังคาสีส้ม อันเป็นภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองดูบรอฟนิคที่พลาดไม่ได้
เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่ายจากนั้นพาท่านเดินชมเสน่ห์ของเขตเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979ชมทัศนียภาพของตัวเมืองเก่ามีป้อมปราการโบราณความยาว 190 เมตรล้อมรอบ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ความโด่งดังเทียบได้กับแกรนด์แคนย่อนหรือแกรนด์คาแนลแห่งเวนิส นำท่านเดินลอดประตูPile Gateที่มีรูปปั้นของนักบุญ เซนต์เบลส นักบุญประจำเมือง เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองเก่า ชมน้ำพุ Onofrioซึ่งเป็นตั้งเป็นเกียรติแก่ของสถาปนิกผู้สร้างน้ำพุแห่งนี้ถ่ายรูปกับThe Cathedral Treasuryหนึ่งในโบสถ์เก่าแก่ที่สะสมโบราณวัตถุของพ่อค้าวาณิชที่ได้ทำการค้าขายกับชาวเวนิชในอดีต นำท่านถ่ายรูปกับหอนาฬิกาโบราณ (Bell Tower Clock) จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับพระราชวังเรคเตอร์ (Rector's Palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปะทั้งแบบโกธิค, เรเนซองส์และบาโร๊ค ได้เวลานำท่านแวะชมและถ่ายรูปกับสปอนซา พาเลส (Sponza Palace) สร้างขึ้นโดยศิลปะแบบโกธิค เรเนซองส์ ในสมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่จัดเก็บเอกสารและสำนักงานส่วนราชการ นำท่านเดินผ่านถนนสตราดัน ถนนสายหลักยาวกว่า 398 เมตร ที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยอาคารสไตล์โรมัน โกธิค และร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ มากมาย
ค่ำอิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม DUBROVNIK ADRIA หรือเทียบเท่า
วันที่ 6ดูบรอฟนิค – โทรเกียร์ – ซิเบนิค
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) เมืองขนาดเล็กบนเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเมื่อ 380 ปีก่อนคริสตกาล บ้านเรือนได้รับอิทธิพลจากศิลปะสไตล์เรเนซองค์และบาโร๊ค ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองโทรเกียร์เป็นมรดกโลกในปี 1997 นำท่านชม เขตเมืองเก่า สัมผัสอาคาร บ้านเรือน ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันโบราณ เช่น ประตูเมือง Kopnena Vrata ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ในสมัยศตวรรษที่ 16 นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซนต์ลอเรนซ์ (St. Lawrence Cathedral) จุดเด่นของมหาวิหาร คือประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ อย่างวิจิตรตระการตา
เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่ายนำท่านเดินทางสู่เมืองซิเบนิค (Sibenik) เมืองเก่ามรดกโลก ปากแม่น้ำทะเล  เอเดรียติค นำท่านชมจัตุรัสเมืองเก่าซีเบนิค จัตุรัสเมืองเก่าซีเบนิค ที่ล้อมรอบไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่ถูกตัดแปลงเป็นร้านขายยา ร้านแว่นตา ร้านเสื้อผ้าบูติก และอีกมากมาย เมืองซีเบนิกแตกต่างจากเมืองริมฝั่งทะเลอะเดรียติกทั่วไปเพราะสร้างโดยชาวกรีก ก่อนที่โรมันจะเข้ามามีอิทธิพล ต่อมาภายหลังตกเป็นเมืองขึ้นของเวเนเชียน หรือเวนิซ ทุกวันนี้จึงยังเห็นสถาปัตยกรรมหลายแห่งทั่วเมืองจะกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายสไตล์เวเนเชียนอย่างชัดเจน ถ่ายรูปกับชมมหาวิหารเซนต์เจมส์หรือมหาวิหารเซนต์จาคอบ คืออีกหนึ่งมรดกโลกของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ที่เมืองซีเบนิคบนชายฝั่งดัลเมเชียน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมการส่อสร้างในแบบผสมระหว่างศิลปะทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ดัลเมเชีย และทัสคานี เนื่องจากใช้สถาปนิกในการออกแบบถึง 3 คน และมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดยสร้างเสร็จในปี 1535 ด้วยโครงสร้างที่มาจากหินปูนสีขาวล้วนๆ ไม่มีวัสดุอื่นปลอมปน ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นนักบุญเจมส์หรือจาคอบตามภาษาโครแอต ซึ่งเป็น 1 ใน 12 สาวกของพระเยซู
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม PUNTA VODICE  หรือเทียบเท่า  
วันที่ 7ซิเบนิค – ซาเกรบ – ตลาดกลางเมือง
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาเกรบ (Zagreb) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชียดินแดนแห่งทะเลเอเดรียติค ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง ซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11   ปัจจุบันชาวโครเอเชีย มีวิถีชีวิตเยี่ยงชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไป การคมนาคมภายในกรุงซาเกรบสะดวกสบาย นิยมใช้รถรางเป็นพาหนะทั่วทั้งเมือง
เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่ายนำท่านเดินเที่ยวเมืองซาเกรบ ถ่ายรูปกับมหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral)ซึ่งมียอดแหลมทรงกลวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม สามารถเห็นได้จากทุกมุมในซาเกรบ มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบนิโอ-โกธิค ดังปัจจุบัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการบูรณะก่อสร้างในปี ค.ศ. 1880 จากนั้นนำชมตลาดกลางเมือง (Dolac Market) ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ มีสีสันสดใส มีดอกไม้ประดับและผลไม้ราคาถูกวางขายมากมาย
ค่ำอิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม PHOENIX  หรือเทียบเท่า  
วันที่ 8ซาเกรบ – สนามบิน
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่เขตUpper Townแวะถ่ายรูปกับวิหารเซนต์มาร์ก (St. Marks Church) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีต่างๆ ซึ่งเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของซาเกรบ โครเอเชีย สโลวีเนีย และ ดัลมาเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเดียวกัน (อดีตยูโกสลาเวีย) นำท่านชมโบสถ์ประจำเมืองเก่าเซนต์แคทเธอรีน (St. Catherine)โบสถ์แบบบาโรกสีขาวน่าประทับใจ แวะชมจัตุรัส Trg Ban Jelacic Squareจัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัย ชมอนุสาวรีย์ Ban Josip Jelacicผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อความอิสระจากชาวฮังกาเรียนเมื่อปี ค.ศ. 1848
11.00 น.นำเดินทางสู่สนามบินซาเกรบ มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
15.25 น.ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK130
22.55 น.เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเที่ยวบิน
วันที่ 9ดูไบ – กรุงเทพฯ
02.50 น.ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ EK384
12.30 น.คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ















ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม