เที่ยวยุโรป 2007




หลังคาทองคำ เมืองอินส์บลูค



















วิวโรงหน้าที่แวะเข้าห้องน้ำ













































ข้างล่างก่อนถึงปราสาทนอยส์







ทิตลิส



























หิมะหนาวมากค่ะ











เมืองดิจอง














หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟ













ในแวร์ซาย





























โบสถ์ขาว

















ถนนชองแอลิเซย์







ถ่ายกับทะเลสาปตรงปราสาทนอยชวานสไตน์


ยุโรป

ฝรั่งเศส-สวิสเซอร์แลนด์-ออสเตรีย-เยอรมัน 8 วัน



ปารีส-ดีจอง-ลูเซิร์น-ยอดเขาทิทลิส-อินส์บรูค-ปราสาทนอยชวานสไตน์-มิวนิค-แฟรงเฟิร์ท
กำหนดการเดินทาง 24-31 มี.ค. 2007

วันแรก กรุงเทพฯ – โคลัมโบ – ปารีส
1830 คณะเดินทางพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์ T สายการบิน ศรีลังกัน แอร์ไลน์ (UL) หน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรโดยสารที่นั่งก่อนขึ้นเครื่อง รวมพลกับคณะเพื่อนป้าโดยทานข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวที่สนามบิน พึ่งมาเที่ยวสนามบินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรกเห็นเค้าว่าห้องน้ำมีน้อย เราเข้าไปใช้ก็พบว่าสะอาดดีนะ แล้วก็เดินไปขึ้นเครื่องบิน ทางเดินยาวมาก มีของหรูๆ ขายเต็มไปหมดตื่นตาตื่นใจ พอเดินสุดทางก็ถึงงวงช้างขึ้นเครื่องพอดี Surprise มาก แบบไม่ทันตั้งตัว


2110 คณะออกเดินทางสู่กรุงปารีสโดยสายการบิน ศรีลังกัน แอร์ไลน์ เพลิดเพลินตลอดการเดินทาง กับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง เที่ยวบินที่ UL 423 แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา จากนั้นจะทำการบินต่อไปยังกรุงปารีส โดยเที่ยวบินที่ UL 563

ได้ที่นั่งตรงกลางนั่งข้างไกด์เลย ไม่ชอบเลยเข้าห้องน้ำลำบาก อากาศหนาวรีบนอนดีกว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะได้มีแรง เอ่อ แอร์สายการบินนี้ไม่สวยเอามากๆ เลยนะ ตัวดำ แถมชุดสาหรี่ที่ดูเหมือนจะ Sexy ก็ไม่ได้ทำให้เราตื่นตาตื่นใจเลย อาหารไม่อร่อยแต่ขนมใช้ได้นะ ลืมเล่าว่าตอนแวะเปลี่ยนเครื่องที่ศรีลังกาเราลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็แวะชมของที่ Duty Free ของไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เป็นพวกชามากกว่าแล้วก็พลอย แต่ตั้งราคาไว้แพงมาก ใครจะไปกล้าซื้อนะเนี้ย
วันที่สอง กรุงปารีส - ชองม์ เอลิเส - ประตุชัย - หอไอเฟล - ล่องแม่น้ำแซนน์
0815 คณะเดินทางถึงกรุงปารีส หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

ชอบสนามบินชาเดอโกลจัง ถึงแม้จะเก่าแต่ก็ยังดูทันสมัยมาก โดยเฉพาะบันไดลิฟท์แก้วตื่นตามากค่ะ อากาศหนาวจัง


หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟท์

นำท่านเดินทางเข้าสู่.. นครปารีส ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ชมความงามของอาคารพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ , จัตุรัสคองคอร์ด ลานประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนต, ชื่นชมกับถนนชองป์เอลิเซ่, ประตูชัย,



จุดที่แวะชมที่แรกคือประตูชัย ให้พวกเราเดินถ่ายรูปกัน พอดีไปถึงวันอาทิตย์รถราเลยน้อยมาก ทำให้เดินไปถ่ายกลางถนนได้สะดวก ร้านรวงปิดกัน เจอสุนัขเดินตามเจ้าของโดยไม่ต้องใช้สายจูง ช่างเป็นสุนัขที่มีระเบียนวินัยมากๆๆ หลังจากนั้นเราก็ไปถ่ายรูปกันแถวพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ เดินชมความอลังการของศิลปะ แต่ไม่ได้ไปต่อแถวเข้าข้างในหรอกค่ะ ดูข้างนอกก็เยอะจะแย่แล้ว


ถ่ายภาพกับหอไอเฟล บริเวณจัตุรัสทรอคาเดโร ซึ่งเป็นจุดชมหอไอเฟลที่สวยที่สุด

มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับหอไอเฟลมากมาย แต่ว่ามันดันย้อนแสงแหะ แต่ก็พอใช้ได้ วิวสวยจริงๆ มีคนดำมาขายของอีกแล้ว


เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร
รถทัวร์ส่งรถในถนนสายแคบๆ แล้วพวกเราก็เดินตามไกด์ไปมา จำได้ว่าไกลพอควรเป็นร้านอาหารจีนอยู่ในตึกแถวหน้าแคบแต่ลึก สไตล์ยุโรป เค้าว่าสมันก่อนมีการเก็บภาษีตามความกว้างของตึก อาหารรสชาดใช้ได้ค่ะ

แล้วนำท่านสู่เกาะ อิล เดอ ลา ซิเต้ เพื่อชมความงามของ โบสถ์นอร์ทเทรอดาม ที่เคยใช้เป็นสถานที่ราชาภิเษก นโปเลียนขึ้นครองราชย์และมีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี สร้างแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ โกธิค จากนั้น นำคณะชมความสวยงามของนครปารีส ยามค่ำคืนด้วยการล่องเรือ “บาโตมูซ” ท่านจะได้ชมความสวยงามของสองฝากฝั่งและสะพานที่ทอดตัวข้ามลำน้ำแซนด์ กับบรรยากาศสุดโรแมนติค



พอดีว่าเรามาถึงฝรั่งเศสเป็นช่วงเวลาที่เค้าพึ่งประกาศจากหน้าหนาวเป็นฤดูใบไม้ผลิพอดี ช่วงเวลาเลยกำหนดใหม่ ขนาด 2 ทุ่มยังสว่างอยู่เลยค่ะ นั่งเรือบาโตมูสพร้อมกับนักท่องเที่ยวจากจีน ส่งเสียงดังมาก พวกนี้ถ่ายรูปแบบไม่มีมารยาทสุดๆ เรานั่งเรือในกระจกใส อากาศข้างนอกมันหนาวจะตาย มองเห็นหอไอเฟลอีกมุมซึ่งสวยไม่แพ้กัน ผ่านสะพานสวยๆ หลายแห่ง เหมือนที่ ร .5 เอามาสร้างให้กับถนนราชดำเนินในประเทศไทย ตอนที่จะลงเรือเรานั่งรถผ่านอุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอะน่าสิ้นพระชนม์ด้วย ที่ฝรั่งเศสนี่มีอุโมงค์ใต้ดินเยอะจริงๆ คงจะแก้ปัญหาจราจรอันคับคั่งได้มั้ง



ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร

ไกด์บอกว่าเป็นอาหารไทยนะ แต่ว่าร้านเป็นคนเวียดนามเป็นคนทำรสชาตไม่อร่อยเลยอิๆๆ สงสัยจะเป็นย่านร้านอาหารที่ลองรับพวกทัวร์ต่างๆ มาทานมากกว่า ไม่เห็นมีคนท้องถิ่นเค้ามาทานกันเลย ไกด์บอกว่าถ้าไป Dinner ที่ร้านอาหารแบบฝรั่งเศสแพงมาก เป็นหลักพันเลย แถมอาหารก็ไม่ถูกปากอีกด้วย ก็คงจะจริงอ่ะ เพราะเราก็ไม่ชอบอาหารฝรั่ง กินให้ผ่านไปได้อีก 1 มื้อ ช่วงรอรถทัวร์มารับนี่เดินผ่านอากาศหนาวอีกแล้ว ใกล้ค่ำเข้าไปทุกทีแล้วนี่นา ตอนกลางวันไม่ค่อยหนาวมากเพราะมีแดดช่วย

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ ROYAL PARC DE SEINE หรือเทียบเท่า

ที่พักของเราอยู่ในย่านตึกสมัยใหม่แต่ก็เห็นวิวแม่น้ำเซนนะ ห้องโรงแรมกว้างดีค่ะ โรงแรมที่นี่เค้าจะแบ่งโซนห้องส้วมกับห้องน้ำแยกกันคนละห้อง ลืมเล่าไปว่าที่ฝรั่งเศสเค้าจะแบ่งโซนอนุรักษ์ตึกเก่าเอาไว้ จะไม่ให้มีการก่อสร้างอะไรในย่านนั้นได้เลย เราชอบความคิดนี้นะ ทำให้ดูเป็นเมืองที่มีมนต์ขลังดีอ่ะ ถึงแม้ว่าบรรยากาศตามท้องถนนจะดูสกปรกไปหน่อย แต่ก็ทำให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมโบราณได้ชัดดี ได้นอนบนเตียงซะที เฮ้อสบายจัง
วันที่สามของการเดินทาง นครปารีส-ดีจอง
0700 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมåä

อาหารเช้าทางยุโรปเค้าไมได้จัดไว้ให้เลือกมากมายเหมือนของเมืองไทยนะ ไส้กรอกอร่อยดีค่ะ ดื่มนมร่างกายแข็งแรง


เชิญท่านเดินทางสู่ พระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป พระราชวังแวร์- ซายส์อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางกรุงปารีสไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทาง 20 ก.ม. นำท่านเข้าชมความงดงามของห้องต่าง ๆ อาทิ ห้องอพอลโล ห้องฮอลล์ออฟมิลเล่อร์ ให้ท่านชมสวนพฤกษชาติ ของพระราชวัง ซึ่งจัดตกแต่งได้อย่างงดงามตระการตา อิสระให้ท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตามอัธยาศัย

ตอนนั่งรถไปแวร์ซายส์ก็จะผ่านบ้านคนรวย เค้าบอกว่าคนฝรั่งเศสที่รวยจะมาปลูกบ้านกันที่นี่ ดูแล้วก็หลังใหญ่ค่ะ อ้อพอช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนฝรั่งเศสเค้าจะขับรถออกไปเที่ยวกันนอกเมืองนะ มิน่าถนนเลยโล่งช่วงที่เราไปถึง เห็นรถที่ใช้แล้วก็เป็นรถเก่าๆ คันเล็กค่ะ ก็น้ำมันมันแพงนี่นา นานๆ จะเจอกับรถแพงๆ ซะที


สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่มหานครปารีส เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงที่ ภัตตาคารåä
ได้แวะให้เราไปซื้อของร้านปลอดภาษีซึ่งมีขายน้ำหอมกับเครื่องสำอางแพงๆ ทั้งน้าน ออกไปถ่ายรูปข้างนอกดีกว่า


บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองดีจอง เมืองหลวงของแคว้นเบอร์กันดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตไวน์และโรงงานทำเนยแข็งที่มีชื่อเสียงอีกด้วย นำท่านนั่งรถผ่านย่านเมืองเก่าที่มีตึกรามบ้านช่องสวยงามคลาสสิค



มาถึงดิจองพวกเราก็เดินไปชมสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง แล้วเดินไปชมโบสถ์นกฮูก สงสัยจะเป็นสถานที่สำคัญของเมืองนี้เพราะเค้าทำสัญญลักษณ์บอกเส้นทางไปโบสถ์ตรงทางเดินเป็นรูปนกฮูกเลย เราเดินตามรอยไปเรื่อยๆ ผ่านร้านรวงซึ่งกำลังจะปิดอีกแล้ว ก็มาถึงเย็นนี้นา ได้แต่มองดูอิๆๆ แวะถ่ายรูปกับร้านขายดอกไม้ของชอบ ร้านขายขนมปัง มาถึงแล้วโบสถ์นกฮูก เป็นหินแกะสลักที่ผนังนี่เองเค้าให้เราอธิษฐาน ชอบตึกที่ดูเหมือนมีหมวกใส่อยู่จังสวยดีต้องถ่ายเก็บไว้


ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ ภัตตาคารåä ที่พัก NOVOTEL DIJON SUD HOTEL หรือระดับเทียบเท่า

เย้ ไปพักที่โรงแรมแสนสวย นอนสบาย โรงแรมแถวยุโรปเค้าจะแจก Key Card ให้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ
วันที่สี่ของการเดินทาง ดีจอง-ยอดเขาทิทลิส-ลูเซิร์น (สวิสเซอร์แลนด์)

วันที่ 4 แล้วเหรอเนี้ยไวจังเลยใส่ชุดไรดีนะ
0700 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมNOVOTEL DIJON SUD HOTEL จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแองเกิลเบิร์ก เพื่อนำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่ ยอดเขาทิทลิส ซึ่งมีความสูง 3,020 เมตร

เดินทางจากฝรั่งเศสมาสวิสผ่านเส้นทางที่ไกลเหมือนกันนะ ดูวิวสองข้างทางเป็นเมืองในตุ๊กตาเลย ป่าสน

เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงที่ ภัตตาคารจีนที่เมืองลูเซิร์นนั่นล่ะ ใกล้ทางขึ้นจะเป็นร้านขาย Chocolate Homemade แสนอร่อย กลับมาร้านอาหารจีนต่อขอบอกว่าไม่อร่อยเลยแถมเราต้องทานร้านนี้ถึง 2 มือด้วยอ่ะ เจอคนไทยทัวร์อื่นๆ ก็โดนมาทานร้านนี้เหมือนกัน รู้สึกจะเป็นพวก Amway นะเห็นมีป้ายต้อนรับเป็นภาษาไทยด้วยอ่ะ ผ่านร้านขายนาฬิกาหลายร้าน


บ่าย ให้ท่านได้สนุกสนานกับการเล่นหิมะบนยอดเขาทิตลิส จากนั้นนำท่านชม ถ้ำน้ำแข็งพันปี และอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย จนได้เวลานำท่านลงจากยอดเขา โดยกระเช้าไฟฟ้า

ยอดเขาทิตลิส หนาวค่ะ


ในที่สุดก็ได้มาขึ้นยอดเขาทิตลิส โอ้โห อากาศเย็นซะไม่มี นั่งกระเช้าถ่ายรูปกันอย่างสวยงาม มีหมอกมาเป็นระยะๆ จนกังวลว่าจะมองไม่เห้นอะไรเลย ในที่สุดฟ้าเปิด แอบถ่ายกับนักสกีที่มา ถูเขาที่สวิสนี่สวยจริงๆ ค่ะ


เพื่อเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยงาม เดินทางถึงเมืองลูเซิร์นนำท่าน ชมสะพานไม้คาเปล ( Kapellbruck หรือ Chapellbridge ) สะพานที่มีอายุกว่า 600 ปี ที่ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์ ตลอดสะพานประดับด้วยภาพเขียนที่บอกเล่าถึง ประวัติศาสตร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี สะพานแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้เสียหายอย่างมากใน ค.ศ. 1993 แต่ได้รับการซ่อมแซมใหม่จนอยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิม จากนั้นพาท่านเที่ยวชมนำคณะไปถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโตแกะสลักริมหน้าผา สัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ และเสียสละที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ทหารสวิส ที่เสียชีวิต จากการปกป้องพระราชวัง ตุยเลอลีสในฝรั่งเศส นำท่านชมโรงงานบัลลี่อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าราคาโรงงาน อาทิเช่น รองเท้า มีดพับ สวิส ช็อกโกแล็ต นาฬิกา ฯลฯ
มาถึงเมืองแหล่งนาฬิกาแล้วก็อดจะดูของแพงไม่ได้นะ รู้สึกว่าจะราคาถูกกว่าเมืองไทย 40 % คนขายของที่นี่เกือบทุกร้านพูดภาษาไทยได้หมดค่ะ เจรจากันได้สบาย เสียดายไม่ได้ซื้อนาฬิกากุ๊กกูกลับมาอิๆๆ เราได้อยุ่เมืองนี้ถึง 1 วัน เดินชมทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสาป ประทับใจมารยาทการขับรถของคนสวิสมาก เค้าจะจอดให้คนข้ามทางก่อนเสมอผิดกับเมืองไทยคนเดินเท้าต้องคอยหลบรถเอาเอง บรรยากาศปลอดภัย อากาศดี
ค่ำที่ ภัตตาคารåä ที่พัก ASTRORIA HOTEL หรือเทียบเท่า วันนี้ได้ทานอาหารยุโรปแบครบเครื่อง มีบริกรมาเสริฟ สลัดก่อน แล้วก็เก็บจาน หลังจากนั้นก็มาเสริฟสเต็กไก่ค่ะ ขนมหวานเป็นช็อคโกแลทมูสแสนอร่อย อย่างงี้ต้องเบิ้ล 2 อุๆๆ กินไม่ไหว กลับมานอนหลับ
วันที่ห้าของการเดินทาง ลูเซิร์น-ฟุสเซ่น(เยอรมัน)-ปราสาทนอยชวานสไตน์-อินส์บรูค (ออสเตรีย)
0700 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมåä จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โฮเฮ่นชวานเกา เพื่อเที่ยวชมความสวยงานของปราสาทนอยชวานสไตน์ นำท่านเดินทางขึ้นเขา (โดยรถบัสเล็ก) เพื่อเชมความงามของ ปราสาทนอยชวานสไตน์ โดยการบัญชาของพระเจ้าลุดวิคที่ 2 ให้สร้างขึ้นมา นำท่านเดินเที่ยวชม สะพานมาเรียนพลาส ที่สร้างให้เป็นที่ระลึกสำหรับมารดาท่านรุกวิค ซึ่งท่านสามารถมองเห็นปราสาทจากจุดนี้ได้ อิสระท่านถ่ายภาพตามอัธยาศัย ณ จุดชมวิวอันงดงามที่ท่านจะประทับใจมิรู้ลืม เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงที่ ภัตตาคารåä บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองอินส์บรูค และขึ้นสู่ จุดชมวิวของเมืองอินส์บรูค ท่านจะได้พบกับภาพอันสวยงามของตัวเมืองทั้งหมดจากเบื้องบนยอดเขา และก็ยังเป็นสถานที่แข่งขันกีฬาฤดูหนาวอีกด้วย และยังเคยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งข้นกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว เมืองอินสบรูค เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำอินน์ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ที่โอบล้อมรอบตัวเมือง และเป็นเมืองตากอากาศพักผ่อนของราชวงศ์ฮัปฟ์บวร์ก นำท่านชมความร่มรื่นอันสวยงามของ สวนสาธารณะฮอฟการ์เด้น นำชม วังหลังคาทองคำ ของจักรพรรดิ์มักสิมิเลี่ยน ชม เสาสูงอนาซอล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การป้องการการ รุกรานของแคว้นบาวาเรีย ให้ท่านได้เลือกหาซื้อ คริสตัล ที่สวยหรูถูกใจของ สวารอฟสกี้ ที่ลือชื่อ หรือ แชนเดอเลียร์ ที่สุดสวย และเครื่องใช้ที่เป็นคริสตัลแท้จากออสเตรียในราคาโรงงาน ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารåä ที่พัก AUSTROTEL HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง อินส์บรูค-มิวนิค-แฟรงเฟิร์ท
0700 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมåä ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองมิวนิค ชม วิหารมาเรียนพลาซ ที่สร้างแบบสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่สวยงาม ให้ท่านได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกมีเวลาให้ท่านได้เดินเที่ยวชมเมืองอันเก่าแก่ และเป็นย่านศูนย์การค้ามากมายหลากหลายนานาชนิดโดยรอบจัตุรัสแห่งนี้ และอิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าต่างๆเพื่อเป็นของฝากทางบ้านและตัวท่านเอง
เจอแล้วนาฬิกาที่มีตุ๊กตามมาเต้นระบำ เสียดายช่วงที่ไปเค้ากำลังซ่อมแซมอยู่แต่มีของเก่าให้ดูมากมาย และที่สำคัญมีร้านให้ Shop เยอะมาก ของก็ถูก และมีคุณภาพ เราเลยซื้อพวกเครื่องอาบน้ำ ครีมทาผิว เสียดายเวลามีน้อยเลยไม่ได้ดูนาน ของที่นี่เวลาซื้อต้องเอาถุงมาเองนะคะ ถ้าไม่มีต้องเสียตังค์ค่าถุงอีก
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงที่ ภัตตาคารåä บ่าย นำท่านเดินทางสู่ จากมิวนิค มาแฟรงเฟิร์ทช่างเป็นการเดินทางที่ไกลมาก ฝนตกอีก แถมเจอรถติดตอนเข้าเมืองไม่รู้ว่ามาจากไหน โชคดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ ภัตตาคารในโรงแรมล่ะ เป็น Stake หมู แข็งมาก กว่าจะกินได้ก็เกือบ 2 ทุ่มทุกคนหิวกันมาก กินได้ไม่ค่อยเยอะ รู้สึกว่าตั้งแต่เข้าเขตเยอรมันมานี่อาหารที่ได้ทานจะเป็นพวกอาหารพื้นเมืองทั้งน้านเลย เดาว่าคงราคาไม่แพง
ที่พัก HOLIDAY INN หรือระดับเทียบเท่า

ที่แฟรงเฟิร์ท ถ่ายกับดอกไม้ที่เค้าเอามาขายข้างถนนค่ะ
วันที่เจ็ดของการเดินทาง แฟรงเฟิร์ท-กรุงเทพฯ
0700 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมåä อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย ดีจังที่โรงแรมมีปลูกซะกุระกลางสวนด้วยถ่ายรูปด้วยซะเลย
ชมเมืองแฟรงเฟิร์ท ผ่านชมความสวยงามของเส้นทางสายโรแมนติก จนถึงเมืองแฟรงเฟิร์ท นำท่านชม ย่านเมืองเก่า ชมอาคารโรเมอร์เบิร์ก, โบสถ์เซ็นปอล์ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
มาชมเมืองเก่าแต่เช้าตลาดเลยยังไม่ค่อยคึกคัก เห็นร้านรวงยังไม่ค่อยเปิด แต่ว่าสภาพบ้านเมืองโซนเก่ายังสวยงามอยู่ เห็นร้านขายมีดตราคนคู่อยุ่ตรงหัวมุม ดีใจที่ได้เจอซากุระสีชมพูบานในตัวเมืองด้วย ดอกไม้เล็กๆ กำลังผลิบาน อ้อต้องแวะซื้อไส้กรอกเอาไว้กินตอนกลางวันที่สนามบินดีกว่า ไส้กรอกเค้าอร่อยจริงๆ นะ แถมขนมปังให้ด้วยไม่คิดเงิน
พร้อมเก็บสัมภาระ เพื่อนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ 1420 คณะออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ UL 554 / UL 422
ตอนขากลับนี้ไม่รู้ไปติดหวัดมาจากไหนไข้ขึ้นสูงเลย ตอนเครื่องจะลงแทบตายให้ได้ ปวดหูมากๆ สงสัยความดันจะไม่สมดุลในร่างกาย แทบจะเข็ดกับการขึ้นเครื่องบินเลย
วันที่แปดของการเดินทาง กรุงเทพฯ
1215 คณะเดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
ถึง กทม. เที่ยงเจออากาศร้อนเลยเรา อุณหภูมิเกือบ 40 องศาได้มั้ง ช่างแตกต่างจากยุโรปไรเช่นนี้ เป็น Trip ที่น่าประทับใจค่ะ ถึงแม้จะกลับมาป่วยไข้หวัดก็ตาม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม